เมื่อไม่มี EPL แล้วบอกว่าครบทุกความบันเทิง แต่สำหรับแฟนบอล มันใช่เหรอ?

ในฐานะแฟนบอลพรีเมียร์ลีก เราเคยรู้สึกว่าทรูคือบ้าน
ที่ที่เรารู้ว่าจะได้ดูทีมรักลงสนามแบบสด ๆ ทุกนัด ทุกคืนวันเสาร์
แต่ปี 2568 นี้ บ้านหลังเดิมเริ่มไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว

ทรูวิชั่นส์ NOW ประกาศกลยุทธ์ใหม่แบบเสียงดังฟังชัด
“ไม่มี EPL ก็ไม่เป็นไร เพราะเราคือ Home of Entertainment”

แต่คำถามคือ… สำหรับแฟนบอลแบบเรา นี่คือ ‘บ้าน’ จริงเหรอ?

❌ ไม่มี EPL
✅ มี Netflix, iQIYI, WeTV, VIU, MAX
✅ มี Jet Lag ออริจินัลซีรีส์
✅ มี F1, MotoGP, NBA, เทนนิส, วอลเลย์บอล
✅ มี 4 แพกเกจให้เลือกดูตามพฤติกรรม

ใช่, มันดูเยอะ มันดูครบ
แต่ถามตรง ๆ… มัน “ใช่เรา” ไหม?

เพราะสิ่งที่แฟนบอลต้องการ ไม่ได้มีอยู่ในลิสต์นั้นแล้ว
EPL คือเหตุผลเดียวที่บางคนยอมจ่ายหลักพันต่อเดือน
วันนี้มันหายไป แล้วทรูบอกเราว่า “เอาอย่างอื่นไปแทนได้มั้ย?”

แน่นอนว่าธุรกิจต้องเดินหน้า
คุณองอาจก็พูดอย่างเข้าใจได้ว่า “เงินค่าลิขสิทธิ์ EPL แพงเกินไป”
แล้วถ้าเอาเงินนั้นไปซื้อคอนเทนต์ที่ได้คนดูมากกว่า มันก็คุ้มกว่า

แต่นั่นแหละ… มันคือทางของทรู
แต่ไม่แน่ว่ามันคือทางของแฟนบอล

“เราจะอยู่ต่อเพื่อดูสารคดีและซีรีส์หรือ?”
“หรือต้องเปิดอีกแอปเพื่อดูทีมรัก แล้วกลับมาหา Netflix ที่ทรูอีกที?”
“หรือจริง ๆ เราควรย้ายบ้านไปเลย?”

ทรูเคยเป็นคนขาย “แพสชัน” ของแฟนบอล
วันนี้ทรูเปลี่ยนมาขาย “ความครบเครื่อง” ของความบันเทิง

สำหรับคนดูทั่วไป มันอาจคือเกมใหม่ที่เดินถูก
แต่กับแฟนบอลอย่างเรา…
มันใช่หรือเปล่า?

⚽️ เมื่อไม่มีพรีเมียร์ลีกแล้ว เราเป็นแค่คนดูอีกกลุ่มในสายตาเขาหรือไม่?
🏡 หรือจริง ๆ แล้ว “บ้านหลังเดิม” ของแฟนบอล กำลังจะไม่ใช่ทรูอีกต่อไป?

ทรูวิชั่นส์, พรีเมียร์ลีก, สตรีมมิ่ง, เน็ตฟลิกซ์, คอนเทนต์กีฬา

ข้าวหอมเขากระโดง หุงขึ้นหม้อ

พรรคประชาชนถูกตั้งคำถาม คัดคนอย่างไร เมื่อสมาชิกพัวพันคดีเลือกตั้งและคุณสมบัติไม่โปร่งใส