หนังม้วนยาวชื่อ “ประธาน (ไม่) ครบคุณสมบัติ”

“ถ้ากติกาชัด แต่ผู้รักษากติกาไม่ชัดเสียเอง สังคมจะเชื่อมั่นอะไรได้อีก?”

รัฐสภาในวันที่ 15 พฤษภาคม 2568 อาจดูเหมือนวันธรรมดา แต่ไม่ใช่สำหรับคนที่เฝ้าติดตามเกมอำนาจในองค์กรอิสระอย่าง กสทช. เพราะชื่อของ “นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์” ประธาน กสทช. กำลังกลายเป็นประเด็นใหญ่โตในรัฐสภาอีกครั้ง เมื่อ “รังสิมันต์ โรม” รองหัวหน้าพรรคประชาชน ลุกขึ้นมาชี้หน้ากลางสภาว่า “ขาดคุณสมบัติ” โดยอ้างอิงจากหลักฐานของวุฒิสภาชุดก่อน

เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ และแน่นอน…ก็ไม่ใช่เรื่องจบง่าย เพราะมันเป็นหนังม้วนยาวที่ฉายซ้ำจนเทปจะขาดอยู่แล้ว แต่ใครบางคนยังทำเป็นไม่ได้ยิน

โรมไม่ได้ลุกมาพูดลอยๆ แต่ยกเอารายงานจากกรรมาธิการ ICT วุฒิสภาชุดที่แล้ว ซึ่ง “ชี้ชัด” ว่าประธาน กสทช. คนปัจจุบัน “ขาดคุณสมบัติ” ตั้งแต่แรกเข้า เหมือนคนสมัครวิ่งมาราธอนแต่ไม่เคยผ่านการตรวจร่างกาย แต่กลับได้เหรียญทองติดอกแล้ววิ่งนำขบวนอยู่

กรรมาธิการมั่นคงในสภาได้หยิบเอารายงานเก่าที่ถูกลืมมาเปิดซ้ำ และพบว่าไม่มีใครโต้แย้งสาระในรายงานนั้นเลย นั่นหมายความว่า…ข้อเท็จจริงมันยังอยู่ครบ แต่กระบวนการที่ควรตามมากลับ “หายไปกับลมวาระ” ของวุฒิสภาเดิม

กลายเป็นว่า สิ่งที่ควรส่งขึ้นทูลเกล้าเพื่อเปลี่ยนตัวประธาน กสทช. นั้น ถูกปล่อยค้างเติ่ง เหมือนเอกสารสำคัญที่ตกอยู่ในลิ้นชักที่ไม่มีใครอยากเปิด

ถ้านี่เป็นละครเวที ก็อาจเรียกได้ว่า “บทตกหล่นกลางฉาก” แต่เมื่อมันคือการบริหารประเทศ นี่คือ “หน้าที่ที่ไม่ถูกรับผิดชอบ”

คำถามที่โรมโยนใส่กลางวง คือ ถ้าประธาน กสทช. ขาดคุณสมบัติจริง แล้วทำไมรัฐบาล โดยเฉพาะ “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ถึงยังนิ่งเฉย?

โรมบอกว่า ถ้านายกฯ ไม่ดำเนินการ ก็อาจเข้าข่ายมีความผิดเสียเอง …คำถามคือ ใครจะเอาผิดกับนายกฯ ในเมื่อกติกาที่ควบคุมผู้รักษากติกา ยังอ่อนยวบแบบนี้?

พอถามหาคำชี้แจงจากกระทรวงดิจิทัล ก็ไม่มีคำตอบอะไรออกมาเลย ทั้งที่ประชาชนเคยร้องเรียนเรื่องนี้นานกว่า 6 เดือนแล้ว สุดท้ายก็เป็นเหมือนเสียงที่ตกในหลุมดำของราชการ

เมื่อกระบวนการภายใน “รัฐ” ไม่เคลื่อน กรรมาธิการจึงเสนอแผน “ตีปี๊บ” ส่งเรื่องต่อไปยังหน่วยงานภายนอกอย่าง ป.ป.ช. หรือหน่วยงานที่ยังกล้าหยิบกฎหมายขึ้นมาใช้

แต่ก็ยังไม่รู้ว่าการเคลื่อนไหวเหล่านี้ จะกลายเป็นแค่ “ภาพข่าวเพื่อแถลง” หรือจะกลายเป็น “การลงมือจริง” เพื่อปกป้องคุณธรรมในองค์กรอิสระอย่าง กสทช.

สิ่งที่น่าเศร้าคือ หากการได้ตำแหน่งโดยไร้คุณสมบัติ ไม่ได้ถูกสะสางตั้งแต่ต้น แล้วมติต่างๆ ที่ลงนามโดยบุคคลนั้นจะถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่? แล้วใครจะเป็นผู้ชดใช้ถ้าเกิดความเสียหายกับชาติ?

นี่แหละคือ “หนังม้วนยาว” ที่โรมว่าไว้… และประชาชนก็ได้แต่นั่งดูโดยไม่รู้ว่ามันจะมีตอนจบจริงหรือแค่ฉายวนไปเรื่อยๆ เหมือนหนังกลางแปลงยุคที่ไม่มีวันเปลี่ยนม้วนใหม่

“กฎหมายอาจเขียนชัด แต่ถ้าคนรักษากฎหมายเล่นบทเฉยชา มันก็ไม่ต่างจากกระดาษเปล่า”

กสทช, รังสิมันต์ โรม, คุณสมบัติประธานกสทช, รัฐสภา, สอบคุณสมบัติ

เงินดิจิทัลเฟส 3 ยังไม่ตาย แต่ใครจะปลุกให้ฟื้น?

ลมบนเขย่า กระดานอำนาจเปลี่ยน