ประเทศไทยไม่ขาดข่าวฉาว แต่บางเรื่องกลับบาดลึกไปถึงรากแก้วของศรัทธาที่สังคมมีต่อศาสนา
กรณี “อดีตพระทิดแย้ม” กับ “สีกาเกน” ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องอื้อฉาวของบุคคล หากแต่เป็นภาพสะท้อนของระบบศาสนาที่ปล่อยให้ความศรัทธาถูกนำไปแลกกับกิเลสส่วนตัวอย่างอุกอาจ
ต้นเรื่องเกิดขึ้นจากคลิปวิดีโอคอลขณะฝ่ายหญิงอยู่ในห้องน้ำ กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการแบล็กเมล์ เรียกร้องผลประโยชน์ซ้ำซ้อน และเปิดโปงความสัมพันธ์ที่เลยเส้นสมณะเพศไปไกลอย่างไร้ยางอาย
แต่เรื่องกลับไม่จบแค่นั้น เพราะเมื่อตำรวจเข้าไปตรวจสอบในมือถือของอดีตพระ พบคลิปสาวอื่นอีกคนในสภาพเปลือยเปล่ากำลังอาบน้ำ ถูกบันทึกไว้แบบไม่สมควรเป็นกรรมสิทธิ์ของใครทั้งนั้น
นี่ไม่ใช่แค่ “คลิปหลุด” นี่คือภาพเปลือยของความเสื่อมของวงการสงฆ์ ที่ไม่ใช่แค่คนคนหนึ่งผิดศีล แต่เป็นระบบที่ไร้การกลั่นกรอง ไม่มีการตรวจสอบ ไม่มีสำนึกสาธารณะ
เมื่ออำนาจ เงิน และตัณหามาก่อนธรรมะ เมื่อนั้น “ผ้าเหลือง” ก็ไม่ต่างจากเครื่องแต่งกายธรรมดาที่ใครก็สวมเพื่อปกปิดอะไรบางอย่าง
คำถามที่ต้องตามมาอย่างจริงจัง
- สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กำกับดูแลอะไรอยู่?
- เจ้าคณะใหญ่ที่แต่งตั้งกันมา มีหน้าที่แค่ให้ยศตำแหน่งหรือตรวจสอบคุณธรรมด้วย?
- สื่อควรถึงจุดไหนที่จะนำเสนอเรื่องแบบนี้โดยไม่กลายเป็นผู้ขยายการละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์?
ในสังคมที่เปราะบางทางศีลธรรม การใช้ศาสนาเป็นบังหน้าเพื่อแสวงหาอำนาจและตัณหา ไม่ต่างจากการขุดหลุมฝังความหวังของผู้คนเอง
เรากำลังอยู่ในห้วงเวลาที่คำว่า “ศรัทธา” เริ่มกลายเป็นของหายาก เพราะมันถูกล่วงละเมิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยคนที่เคยถูกเรียกว่า “พระ”
บางที ไม่ใช่แค่พระต้องสึก แต่ระบบทั้งหมดก็ควรถูก “ล้างใจ” เสียที
