ใครเสียผลประโยชน์จริง? เมื่อสนามบินเปิดทาง Grab แล้วปิดทางเลือกประชาชน

แท็กซี่เสียผลประโยชน์ หรือจริง ๆ แล้ว ประชาชนต่างหากที่ถูกบีบให้ไม่มีทางเลือก?

การรวมตัวของกลุ่มแท็กซี่ที่ขึ้นทะเบียนกับสนามบินสุวรรณภูมิเมื่อปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา กลายเป็นภาพสะท้อนที่ชัดเจนของการต่อสู้ระหว่าง “ระบบเก่า” และ “ตัวเลือกใหม่” ในสนามที่รัฐควรทำหน้าที่เป็นกรรมการ แต่กลับมีคำถามมากขึ้นว่า รัฐกำลังถือหางฝ่ายใด

แท็กซี่กลุ่มนี้ไม่ได้เถื่อน พวกเขาขึ้นทะเบียน ชำระค่าคิว ปฏิบัติตามกฎสนามบิน แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาต้องออกมาประท้วงคือ การที่ Grab ได้รับอนุญาตให้มีจุดรับส่งผู้โดยสารภายในสนามบิน โดยแทบไม่ต้องแบกรับต้นทุนหรือข้อบังคับแบบเดียวกับพวกเขา

ฟังดูเหมือนแท็กซี่เป็น “ผู้เสียผลประโยชน์” ที่ควรได้รับความเห็นใจ — แต่ลองชะลอความรู้สึกไว้สักครู่ แล้วมองอีกมุม
ใครกันแน่ที่เสียจริง? แท็กซี่…หรือประชาชนผู้ใช้บริการ?

🧭 เมื่อ “ทางเลือก” ถูกมองว่าเป็นภัย

แน่นอนว่า การที่ Grab เข้ามามีจุดรับผู้โดยสารในสนามบิน ทำให้ผู้ใช้บริการมี “ทางเลือก” มากขึ้น

  • ราคาชัดเจนตั้งแต่ก่อนขึ้นรถ
  • รู้ชื่อคนขับ รุ่นรถ เลขทะเบียน
  • สามารถร้องเรียนผ่านระบบได้ทันทีหากเกิดปัญหา

เทียบกับบางแท็กซี่ที่ยังคง…

  • ปฏิเสธผู้โดยสาร
  • ไม่กดมิเตอร์
  • เลือกเที่ยว เลือกเส้นทาง
  • และบางครั้งยังมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมอีกด้วย

ประชาชนคนธรรมดาไม่ได้มี “สมาคมวิชาชีพ” ให้ไปประท้วง
แต่เมื่อเขารู้สึกว่า Grab สะดวกกว่า ปลอดภัยกว่า เขาจึง “โหวต” ด้วยการกดเรียกรถผ่านแอป — ไม่ใช่เพราะรัฐบอกให้ทำ แต่เพราะประสบการณ์จริงสอนให้เขาเลือก

🔄 แล้ว “ใคร” กำลังปิดทางเลือกของประชาชน?

การที่กลุ่มแท็กซี่เรียกร้องให้ “ยกเลิกจุดรับส่งของ Grab” ภายในสนามบิน ไม่ใช่แค่เรื่องปกป้องรายได้ของตัวเอง
แต่คือการพยายาม ปิดทางเลือกของประชาชน — และรัฐอาจกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด หากยอมตามเสียงเรียกร้องนั้น

คำถามคือ…

ถ้าทางเลือกใหม่ทำให้บริการดีขึ้น โปร่งใสมากขึ้น แล้วเหตุใดรัฐถึงต้องลังเลที่จะเปิดทาง?

หรือแท้จริงแล้ว รัฐกำลังฟังเสียงจาก “ผู้มีโควต้า” มากกว่าเสียงจาก “ผู้มีปัญหา”?

📊 ตัวเลขไม่โกหก

  • ผู้โดยสารในสนามบินสุวรรณภูมิกว่า 40 ล้านคนต่อปี
  • มีแท็กซี่ขึ้นทะเบียนกับสนามบินประมาณ 5,000 คัน
  • แต่จากผลสำรวจโดยองค์กรผู้บริโภค พบว่า กว่า 68% ของผู้โดยสารต้องการใช้บริการผ่านแอป หากสนามบินอนุญาต

แท็กซี่อาจเสียผลประโยชน์…แต่นั่นไม่ใช่ข้ออ้างที่จะบีบบังคับให้ประชาชนต้องใช้บริการที่เขาไม่ต้องการ

✍️ ข้อสังเกตสำคัญ

ในสนามการแข่งขันยุคใหม่ คนที่ได้เปรียบคือ “คนที่ปรับตัว” ไม่ใช่ “คนที่ร้องดัง”
และในระบบประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจ — เสียงของประชาชนคือเสียงที่รัฐควรฟังมากที่สุด

ดังนั้น ถ้ารัฐเลือกยืนข้างกลุ่มที่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง แทนที่จะยืนข้างผู้บริโภค
คำถามที่ต้องถามก็คือ…

“รัฐกำลังคุ้มครองอาชีพ หรือกำลังเอื้ออำนาจผูกขาด?”
เพราะเมื่อ “ทางเลือก” ถูกกีดกัน
ผู้เสียผลประโยชน์ตัวจริง” อาจไม่ใช่แท็กซี่ — แต่คือ “คุณ” ที่ยืนอยู่ริมถนน

แท็กซี่สนามบิน, Grab, สิทธิผู้โดยสาร, นโยบายคมนาคม, สุวรรณภูมิ

เมื่อธนาคารกลายเป็นสะพานสู่บัญชีม้า

บทเรียนมูลค่าหมื่นล้าน ยิ่งลักษณ์ กับชะตากรรมปลายสายของประชานิยม