ศาลยกฟ้อง รักษาการเลขาฯ กสทช. ฟ้อง 4 บอร์ด ปมไม่รับรองตำแหน่ง ย้ำใช้อำนาจโดยชอบ

วันที่ 29 พฤษภาคม 2568 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง มีคำสั่ง ยกคำร้อง คดีที่ นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. ยื่นฟ้องกรรมการ กสทช. 4 ราย ได้แก่
พล.อ.ท.ดร.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ, ศ.ดร.พิรงรอง รามสูต, รศ.ดร.ศุภัช ศุภชลาศัย และ รศ.สมภพ ภูริวิกรัยพงศ์
ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

ศาลวินิจฉัยชัดว่า กรรมการทั้ง 4 ราย “ใช้อำนาจหน้าที่โดยชอบ” ขณะที่พยานหลักฐานฝ่ายโจทก์ “ไม่มีน้ำหนักเพียงพอ” ทำให้ ความพยายามยืดเยื้อคดีในชั้นศาลครั้งนี้สะดุดลง

หากมองย้อนกลับไป คดีนี้มิใช่เรื่องใหม่ในแวดวง กสทช. จุดเริ่มต้นเกิดจากกรณีบอร์ด กสทช. มีมติไม่เห็นชอบแต่งตั้ง นายไตรรัตน์ เป็นเลขาธิการตัวจริง พร้อมตั้งคณะอนุกรรมการตรวจสอบ งบ 600 ล้านบาท ที่อนุมัติจากกองทุน กทปส. ในยุคที่นายไตรรัตน์รักษาการเลขาธิการ

ในห้วงเวลาดังกล่าว กระบวนการสรรหาเลขาธิการ กสทช. คนใหม่ กำลังดำเนินไปตามครรลอง แต่การเลือกยื่นฟ้องกรรมการ 4 รายต่อศาล กลับถูกมองว่าอาจเป็น “กลยุทธ์” เพื่อ ผลักกรรมการออกจากการมีส่วนร่วมในกระบวนการสรรหา และหากศาลรับฟ้อง อาจทำให้ สถานะรักษาการเลขาธิการของนายไตรรัตน์ ถูกยืดออกไป แม้พ้นวาระรองเลขาธิการแล้ว

ในอีกมุมหนึ่ง การที่ บอร์ด กสทช. 4 ราย ยืนหยัดใช้อำนาจตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา ย่อมสะท้อนถึง “หลักธรรมาภิบาล” ที่ต้องการรักษา ความโปร่งใสและผลประโยชน์ขององค์กร ซึ่งท้ายที่สุด ศาลก็เห็นพ้อง ว่าการกระทำของกรรมการเหล่านี้เป็นการปฏิบัติหน้าที่อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

ผลคำสั่ง ยกคำร้อง ในวันนี้ จึงนับเป็น จุดสะท้อนสำคัญ ว่า เกมในศาล ไม่อาจเป็นเครื่องมือถ่วงกระบวนการสรรหา หรือยื้ออำนาจในองค์กรได้ตลอดไป

ขณะที่ กระบวนการเฟ้นหาบุคคลที่เหมาะสม มาดำรงตำแหน่ง เลขาธิการ กสทช. กำลังเดินหน้าต่อไปอย่างมีทิศทาง ภายใต้สายตาจับจ้องของสังคมและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย

เพราะในที่สุดแล้ว คำถามที่หลายฝ่ายยังฝากไว้ก็คือ:
“องค์กรระดับชาติอย่าง กสทช. ควรเดินหน้าไปด้วยคนที่พร้อมทำงานเพื่อประโยชน์องค์กร หรือด้วยใครบางคนที่พยายามหยุดเวลาเพื่อรักษาเก้าอี้?”

กสทช., ไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล, ศาลอาญาทุจริต, เลขาธิการ กสทช., กระบวนการสรรหา

ปาล์มน้ำมันราคาเหวี่ยง ชาวสวน-ผู้บริโภคกระอัก รัฐล้มเหลวซ้ำซากกลางวงวิกฤต

นิติสงครามลามตระกูลชินฯ เป็นโดมิโน