ในวันที่โครงข่ายโทรคมนาคมคือเส้นเลือดใหญ่ของชาติ
เกมประมูลคลื่น 29 มิถุนายน 2568 กำลังจะเปลี่ยนโฉมตลาดไทยอีกครั้ง
แต่คำถามใหญ่ใช่ว่าจะอยู่แค่ใครได้ ใครเสีย
แต่อยู่ที่กติกาพร้อมพาประเทศเดินหน้าแค่ไหนต่างหาก
ตลาดกำลังเดินหน้า แต่กติกายังวนในกรอบเก่า
วันนี้สนามโทรคมนาคมไทยชัดเจนขึ้น
จากสี่รายหลัก เหลือสองรายใหญ่ที่มีศักยภาพลงทุนระดับโครงสร้างพื้นฐานจริง
หลายฝ่ายในแวดวงธุรกิจโทรคมนาคมยอมรับ
ยุคนี้ต้องใช้ทุนและเทคโนโลยีมหาศาลในการขยายโครงข่ายรองรับ 5G และ IoT
NT แม้เป็นรัฐวิสาหกิจที่มีบทบาทสำคัญในอดีต
แต่เมื่อเทียบกับศักยภาพและฐานลูกค้าปัจจุบัน ต้องยอมรับว่ายังไม่พร้อมแข่งขันแบบเปิดเต็มรูปแบบ
29 มิถุนา โอกาสจัดสรรคลื่นให้เกิดประโยชน์สูงสุด
สี่คลื่นความถี่ที่เคยอยู่ในมือ NT กำลังถูกนำเข้าสู่การประมูล
ผู้ยื่นซองมีเพียง AIS และ True ซึ่งก็สะท้อนภาพตลาดจริงในวันนี้
แม้มีเสียงคัดค้านจากบางกลุ่ม แต่หากมองในเชิงประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากร
การให้คลื่นไปอยู่ในมือผู้ที่พร้อมลงทุนจริง ย่อมเป็นผลดีต่อคุณภาพโครงข่ายประเทศในระยะยาว
กสทช. ควรเป็นกรรมการที่โปร่งใสและทันยุคกว่านี้ไหม
จุดอ่อนของภาพวันนี้ไม่ได้อยู่ที่เอกชน
แต่อยู่ที่บทบาทของ กสทช. ซึ่งถูกตั้งคำถามหนักขึ้นทุกวัน
หลายฝ่ายสะท้อนตรงกัน
กสทช. ควรทำหน้าที่กรรมการกลางที่มีประสิทธิภาพ
แต่วันนี้กลับถูกมองว่าขาดความโปร่งใส ขาดแผนยุทธศาสตร์ที่ทันยุคทันสมัย
ตัวอย่างชัด เงื่อนไขควบรวมที่เคยกำหนดให้ราคาค่าบริการลดลง ยังไม่ได้ติดตามอย่างจริงจัง
กลไกคุ้มครองผู้บริโภคยังอ่อนแรง ทั้งที่ควรเป็นหน้าที่หลักขององค์กร
ประเด็น WiFi ฟรี กับความมั่นคงโครงข่าย
หลายฝ่ายยังเสนอแนวคิด WiFi ฟรีในพื้นที่สาธารณะ
ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ดีในเชิงบริการประชาชน
แต่หากมองในเชิงโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ
การมีโครงข่ายมือถือที่ครอบคลุม เสถียร และลงทุนอย่างต่อเนื่อง น่าจะเป็นประเด็นเร่งด่วนกว่า
ตลาดเดินหน้าได้ แต่กติกาต้องตามทัน
วันนี้ตลาดโทรคมนาคมไทยกำลังเปลี่ยนไป
เอกชนมีศักยภาพลงทุนและขยายโครงข่ายอย่างต่อเนื่อง
แต่สิ่งที่ต้องเร่งปรับกลับเป็นกติกาและกลไกกำกับดูแลที่ยังวนเวียนอยู่กับระบบเก่า
กสทช. จำเป็นต้องปฏิรูปบทบาทตัวเองให้ทันกับบริบทโลกยุคใหม่
เพื่อให้สุดท้าย ประชาชนได้ประโยชน์จากทั้งโครงข่ายที่ดี และราคาที่เป็นธรรม
ไม่ใช่ตกอยู่ในตลาดที่เอกชนแข่งกันเอง แต่ขาดกรรมการที่ยุติธรรม
