โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง…เมื่อระบบไอทีภาครัฐไม่ใช่แค่ “ดิจิทัลไม่สมาร์ต” แต่คือ สมาร์ตล็อก — ล็อก TOR ล็อกสเปก ล็อกอนาคตภาษีคนไทยให้เหลือแค่ชื่อบนใบเสร็จ
ข่าวนี้ไม่ใช่ซีรีส์ยุโรปที่คนดีแพ้ คนโกงรอด แต่เป็นละครไทยที่เปิดตอนแรกก็รู้ทันทีว่า “พระเอกชื่อใคร” เพราะชื่อของท่าน “นายเนติพงษ์ ตลับนาค” อดีต ผอ.ไอทีแห่ง กสทช. ผงาดขึ้นมาเป็นหัวหมู่จัดทำ TOR โครงการ ERP และ HR ร่วม 158 ล้านบาท ที่ถูก “บีบงบ” ให้ละลายหายเข้ากับอำนาจเฉพาะกลุ่ม
ERP – ระบบการเงินบัญชีที่ไม่ได้คำนึงถึงรายจ่ายประชาชน
HR – ระบบบริหารคนที่ไม่เคยถามคนทำงานว่าอยากได้อะไร
โปรเจกต์ไอทีระดับชาติ แต่วิธี “แบ่งจ้าง” กลับดูคล้ายร้านขายหมูตอนเช้า ที่แยกชิ้น แยกกิโล แล้วส่งเข้า “วงเงินต่ำกว่า 50 ล้าน” เพื่อเลี่ยงการผ่านตาสภาใหญ่ ให้เบ็ดเสร็จอยู่แค่ในมือ เลขาธิการ กสทช. และประธานฯ
อำนาจระดับ 5G แต่โปร่งใสเท่าฟิล์มปรอทติดรถเมล์
อย่าเพิ่งตกใจว่าอยู่ดี ๆ ทำไมชื่อ “พล.อ.ท.ดร.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ” ถึงโผล่มาเป็นหนึ่งในผู้ถูกกล่าวหา ทั้งที่ท่านเป็นถึง กรรมการ กสทช. ในปัจจุบัน แต่ในอดีตเคยสวมหมวกเป็น “เลขานุการประธาน” และ “อนุกรรมการด้านไอที” ที่ปรากฏชื่ออยู่ในบันทึกการประชุมจัดจ้างแบบ “วิธีพิเศษ”
ล็อก TOR ให้ สจล. หรือไม่?
ราคากลางสูงเกินจริงหรือเปล่า?
ประชาชนได้อะไรจากซอฟต์แวร์ 158 ล้าน?
คำถามพวกนี้สะท้อนจากเอกสารราชการที่ ป.ป.ช. ขุดขึ้นมาพร้อมบันทึกประชุมวันที่ 7 และ 17 ก.ย. 2555 บวกด้วยหนังสือลงวันที่ 17 ต.ค. ที่สื่อชัดว่า ทุกอย่างวางแผนล่วงหน้า ประหนึ่งละครที่รู้ตอนจบตั้งแต่ยังไม่เขียนบท
และสิ่งที่ประชาชนต้องกลืนก็คือ ความเงียบจากรัฐ ความนิ่งจากองค์กรใหญ่ ความยอมจากคนทำงานในระบบ
นี่ไม่ใช่ระบบ ERP หรือ HR แต่คือระบบ “ลัดคิวตรวจสอบ” ที่ใช้ภาษีแปลงเป็นโอกาสให้พวกเดียวกัน
ป.ป.ช. บอกชัดเจนว่าเข้าข่ายฮั้ว เข้าข่ายฝ่าฝืนระเบียบ เข้าข่ายเอื้อประโยชน์โดยมิชอบ
แต่คำถามคือ — พอชี้มูลเสร็จ…ใครจะติดคุก?
หรือสุดท้ายก็แค่ “ระบบไอที…ไร้ความรับผิด”
หากท่านผู้อ่านจะถามว่า ใครได้ ใครเสีย?
ขอให้มองไปที่ใบเสร็จภาษีล่าสุดของท่าน แล้วถามว่า
158 ล้าน…มันซื้อซอฟต์แวร์ หรือซื้อความเงียบ?
