วันที่ 2 ก.ค. 2568 ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งให้ศาลปกครองชั้นต้นรับคำฟ้องคดีที่ผู้ใช้บริการระบบ OTT ยื่นฟ้อง คณะกรรมการ กสทช. ว่าละเลยหน้าที่ โดยไม่กำกับไม่ให้แทรกโฆษณาคั่นรายการ โดยศาลปกครองสูงสุดได้ใช้คำสั่งในคดีหมายเลขดำที่ 198/2567 หมายเลขแดงที่ 840/2567 ของศาลปกครองกลาง รับคำฟ้องกรณี OTT แทรกโฆษณาคั่นรายการว่าละเลยหน้าที่ตาม พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ.2553 โดยเห็นว่าผู้ใช้บริการได้รับความเดือดร้อนจากการแทรกโฆษณาระหว่างชมรายการผ่านแอปพลิเคชัน ซึ่งเข้าข่าย “กิจการโทรทัศน์” ตามมาตรา 4 ของกฎหมายฉบับนี้
ศาลชี้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับการละเลยหรือชักช้าในการออกหลักเกณฑ์และกำกับดูแลผู้ประกอบกิจการ OTT โดย กสทช. และเจ้าหน้าที่รัฐ หากไม่ควบคุมอาจเอื้อให้มีการเอาเปรียบผู้บริโภค จึงเห็นควรให้ศาลชั้นต้นพิจารณาอย่างละเอียด
ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมสื่อ OTT และผู้บริโภค
การที่ศาลปกครองสั่งรับฟ้องเรื่องนี้ถือเป็นบรรทัดฐานสำคัญต่อการกำกับดูแลการสื่อสารในยุคดิจิทัล โดยเฉพาะเรื่องบริการ OTT ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว การพิจารณาคดีครั้งนี้เปิดทางให้ศาลชั่งน้ำหนักว่า OTT เป็น “กิจการโทรทัศน์” ตามกฎหมาย หรือไม่ ซึ่งจะมีผลต่อโครงสร้างใบอนุญาตและมาตรฐานกำกับดูแลในอนาคต
สำหรับผู้บริโภค หากศาลยืนว่าการแทรกโฆษณาแบบไม่ควบคุมเป็นการเอาเปรียบ ก็จะเพิ่มการคุ้มครองสิทธิเชิงผู้บริโภคและอาจนำสู่มาตรการจำกัดโฆษณาในบริการ OTT โดยตรง

ข้อถกเถียงทางกฎหมาย และการจับตาฉันทานุมัติข้อกฎหมายใหม่
คดีนี้สะท้อนถึงช่องว่างระหว่างเทคโนโลยี OTT ที่เติบโตเร็ว และกฎหมายที่ยังตามไม่ทัน หากศาลระบุว่าบริการ OTT ต้องอยู่ภายใต้ใบอนุญาต กสทช. ก็จะต้องออกระเบียบใหม่ทันทีเพื่อควบคุมโฆษณา เนื้อหา และโครงสร้างธุรกิจในระบบดิจิทัล
นอกจากนี้ ยังอาจเกิดข้อถกเถียงเรื่องสิทธิเจ้าของคอนเทนต์ (content owner) ว่ามีสิทธิ์แทรกโฆษณาหรือไม่บนแพลตฟอร์มของตน ซึ่งอาจนำมาซึ่งการปรับปรุงโครงสร้างกฎหมายและกรอบควบคุมใหม่ที่จะใช้บังคับในวงกว้าง
ย้อนรอย กสทช.พิรงรอง รามสูตร กับบทบาทในการกำกับ OTT ที่ย้อนแย้ง
ศ.ดร.พิรงรอง รามสูต กรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสทช.) ซึ่งรับผิดชอบด้านเนื้อหาและผู้บริโภคโดยตรง เป็นหนึ่งในผู้ที่เคยแสดงจุดยืนแข็งขันต่อการกำกับดูแล แพลตฟอร์ม OTT (Over-the-Top) โดยชี้ว่าต้องมีมาตรการคุ้มครองสิทธิของผู้ชมไม่ให้ถูกแทรกโฆษณาโดยไม่สมัครใจ หรือถูกรบกวนจากคอนเทนต์ที่ไม่ได้มาตรฐาน
ที่ผ่านมา กสทช. พิรงรอง เคยผลักดันให้มีการปรับปรุงแนวนโยบายเพื่อให้แพลตฟอร์ม OTT ดำเนินธุรกิจโดยไม่เอาเปรียบผู้บริโภค รวมถึงเสนอให้มีการควบคุมโฆษณาคั่นรายการอย่างโปร่งใส อย่างไรก็ตาม ความล่าช้าในการออกหลักเกณฑ์และการตีความทางกฎหมายว่าสื่อ OTT ต้องอยู่ในกรอบเดียวกับกิจการโทรทัศน์หรือไม่ กลับกลายเป็นช่องโหว่ที่เปิดให้ผู้บริโภคถูกบังคับให้ดูโฆษณาแทรกแบบไม่มีทางเลือก
ความย้อนแย้งของสถานการณ์นี้คือ บริษัทเอกชนที่ให้บริการ OTT กลับเป็นฝ่ายยื่นฟ้องว่า กสทช. พิรงรอง ใช้อำนาจหน้าที่เกินขอบเขตที่ตัวเองรับผิดชอบ และทำให้ผู้ให้บริการเสียหาย ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ชวนให้สังคมตั้งคำถามต่อประสิทธิภาพของกลไกกำกับดูแล

ในบริบทนี้บทบาทของ กสทช. กำลังอยู่ภายใต้การตรวจสอบจากสังคม ว่าการที่ยังไม่มีการออกหลักเกณฑ์ควบคุม OTT อย่างเป็นรูปธรรม เป็นความล่าช้าที่เกิดจากข้อจำกัดทางอำนาจ หรือเกิดจากการเพิกเฉยต่อภารกิจเชิงนโยบายที่ควรเร่งดำเนินการอย่างจริงจังกันแน่