รัฐเร่งผลักดันกฎหมายลงโทษ “พระ–สีกา” หลังกรณีฉาว “สีกากอล์ฟ”

นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ประกาศผลักดันร่างพระราชบัญญัติฉบับใหม่ คือ พ.ร.บ.คุ้มครองพระพุทธศาสนา เพื่อกำหนดบทลงโทษทางอาญาต่อ พระสงฆ์ และ สีกา ที่ประพฤติผิดวินัย เช่น มีเพศสัมพันธ์หรือเสพเมถุนในลักษณะที่เข้าข่ายอาบัติปาราชิก และนโยบายนี้ได้รับการผลักดันในช่วงที่สารพัดกรณีฉาว เช่น กรณี “สีกากอล์ฟ” กำลังสร้างความไม่ไว้วางใจต่อสถาบันสงฆ์ โดยร่างกฎหมายอยู่ระหว่างการรับฟังความเห็นจาก มหาเถรสมาคม และสาธารณชนเพื่อให้มีกลไกบังคับใช้ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น

ในปัจจุบัน พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 ไม่มีบทบัญญัติให้ลงโทษทางอาญาต่อพระสงฆ์ที่ประพฤติผิดศีลสูงสุด เช่น อาบัติปาราชิก และไม่มีกฎหมายเฉพาะควบคุมพฤติกรรมสีกาที่มีสัมพันธ์กับพระ เมื่อเกิดกรณีฉาว เช่นการแบล็กเมล์หรือขู่กรรโชกทรัพย์ จึงอยู่ในช่องโหว่ทางกฎหมาย ขณะที่ระบบวินัยสงฆ์ไม่สามารถดำเนินคดีทางกฎหมายได้จริง ทำให้รัฐต้องเร่งเสนอร่างกฎหมายใหม่เพื่อปกป้องศาสนาและคืนความเชื่อมั่นให้กับประชาชน

“สีกากอล์ฟ” จุดชนวนปัญหา

กรณี “สีกากอล์ฟ” กลายเป็นกรณีเร่งด่วนที่แสดงให้เห็นช่องโหว่ของวงการสงฆ์ เมื่อพระชั้นผู้ใหญ่หลายรูปต้องสละสมณเพศ จากหลักฐานการมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับเธอ ก่อให้เกิดคลิปแบล็กเมล์และการกรรโชกทรัพย์ ซึ่งเข้าข่ายความผิดตามมาตรา กรรโชกทรัพย์ หรือ ฉ้อโกง ตามประมวลกฎหมายอาญา แม้ว่ากฎหมายปัจจุบันจะไม่มีบทลงโทษเฉพาะต่อสีกาหรือตัวพระสงฆ์เอง เหตุการณ์นี้จึงเป็นการกระตุ้นให้รัฐออกกฎหมายบังคับใช้จริงกับทั้งฝ่ายสงฆ์และสีกา

ร่างพ.ร.บ.คุ้มครองพระพุทธศาสนา เสนอให้มีโทษจำคุก 1–7 ปี และปรับ 20,000–140,000 บาท สำหรับพระภิกษุที่ถูกศาลตัดสินว่าละเมิดอาบัติปาราชิกหรือมีพฤติกรรมผิดศีลรุนแรง นอกจากนี้ยังขยายผลไปถึงฝ่ายสีกา ทั้งหญิงและชายที่มีเพศสัมพันธ์กับพระสงฆ์อย่างสมัครใจ หรือเข้าข่ายความผิดในลักษณะทุจริตหรือข่มขู่

มาตรการควบคุมเงินวัด

นอกจากบทลงโทษศีลธรรม รัฐยังเสนอให้มีมาตรการควบคุมการเงินของวัด โดย นายสุชาติ ระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมนี้ เป็นต้นไป วัดทุกแห่งที่รับบริจาคต้องนำเงินเข้าสู่บัญชีธนาคารภายในจังหวัดที่วัดตั้งอยู่ ห้ามถือเงินสดเกิน 100,000 บาท และต้องจัดทำบัญชีรายรับ‑รายจ่ายทุกเดือน พร้อมส่งรายงานให้กับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติหรือจังหวัดภายในวันที่ 20 มกราคมของปีถัดไป

มาตรการนี้ได้รับการสนับสนุนจาก มหาเถรสมาคม (มส.) ที่เห็นชอบแนวปฏิบัติเข้มงวดเพื่อควบคุมเงินวัดและป้องกันการทุจริต โดยระบุให้มีการเปิดบัญชีเงินฝากชื่อวัด พร้อมกำหนดผู้มีอำนาจถอนอย่างน้อย 3 รูป/คน และต้องลงนามอย่างน้อย 2 ใน 3 ครั้งทุกครั้งที่ถอน

นักวิชาการจำนวนหนึ่งเห็นว่า นโยบายนี้จำเป็นต่อการรักษาศรัทธาและความโปร่งใสในวงการสงฆ์ แต่ผู้วิจารณ์เห็นว่า หากนิยามคำว่า “ผิดศีล” ไม่ชัดเจน หรือกระบวนการไม่รัดกุม อาจกลายเป็นเครื่องมือแทรกแซงศาสนาโดยรัฐ หรือถูกใช้ในทางการเมือง อีกทั้งการควบคุมบัญชีวัดโดยรัฐอาจละเมิดอิสระของสถาบันสงฆ์อย่างไม่สมเหตุสมผล

รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ดีจริง หรือแค่เกมการเมือง

ป.ป.ช.มติเอกฉันท์ไต่สวน “นายกฯอิ๊งค์” ปมคลิปเสียงคุย ฮุนเซน