อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ กลายเป็นหนึ่งในพื้นที่เสี่ยงสูงสุด หลังมีรายงานกระสุนปืนใหญ่จากฝั่งกัมพูชาถล่มเข้าสู่พื้นที่มากถึง กว่า 74 ลูก เมื่อวันที่ 24–25 กรกฎาคม 2568 ส่งผลให้ชาวบ้านกว่า 90% ต้องอพยพออกจากบ้าน ภายหลังเกิดเหตุการณ์ยิงใส่เขตพลเรือนรุนแรง
กระสุนตกบ้านกรวดกว่า 70 ลูก ทำประชาชนอพยพเกือบทั้งหมด
เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม ช่วงค่ำที่ผ่านมา มีรายงานว่า กระสุนปืนใหญ่จากฝั่งกัมพูชา ตกเข้ามาในพื้นที่ อำเภอบ้านกรวด ห่างจากชายแดนเพียง 10 กิโลเมตร รวมถึงหมู่บ้าน ชุมชน และตลาด โดยมีรายงานว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย และรถยนต์ วัว บ้านเรือนได้รับความเสียหายตามรายงานก่อนหน้านี้
เช้าวันที่ 25 กรกฎาคม บรรยากาศในอำเภอเงียบเหงา เพราะประชาชนอพยพออกเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ ส่วนมากเข้าศูนย์พักพิงในตัวจังหวัดฯ พร้อมรับการดูแลจากเจ้าหน้าที่ด้านสุขภาพและจิตเวชสำหรับผู้สูงอายุ และครอบครัวที่ได้รับผลกระทบ

ศูนย์พักพิงรองรับกว่าแสนชีวิต
ศูนย์พักพิงหลัก ณ สนามแข่งรถในตัวจังหวัดรองรับประชาชนกว่า 5,000 คน ณ วันที่ 25 กรกฎาคม โดยบางส่วนกระจายไปยังศูนย์ช่วยเหลืออื่น ๆ เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขจัดเตียง อาหาร 3 มื้อ และบริการบำบัดจิตใจผู้สูงอายุและเด็กขี้กลัวเสียงระเบิด
เจ้าหน้าที่ยืนยันว่า ยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บเพิ่มเติม ขณะที่ชาวบ้านบางส่วนขอยืนหยัดอยู่บ้านเพื่อดูแลทรัพย์สินและสัตว์เลี้ยง แม้เสียงปืนใหญ่จะดังต่อเนื่องนับชั่วโมง
แนวชายแดนระอุหนัก
ในช่วงบ่ายวันที่ 25 กรกฎาคม กองทัพภาคที่ 2 และกองทัพบกไทย ประกาศใช้มาตรการเข้มข้น เช่น ปิดด่านชายแดน 6 จังหวัด และสั่งปิด ช่องตาดาเซียว ในอำเภอบ้านกรวดอย่างไม่มีกำหนด เพื่อป้องกันการลักลอบหรือโจมตีเพิ่มเติม พร้อมสั่งให้ กองกำลังทหารเสริม เฝ้าระวังแนวชายแดนอย่างเต็มรูปแบบ
นอกจากนี้มีรายงานว่า มีการวางแนวระเบิดทุ่นชนิด PMN‑2 ซึ่งเป็นระเบิดทำลายบุคคลที่ยังไม่ระเบิดอีกหลายจุด เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้เร่งสกัดกั้นและแจ้งเตือนไปยังประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงแล้ว
สถานการณ์ใน อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ ยังคงตึงเครียดอย่างต่อเนื่อง แม้กระสุนปืนใหญ่จากฝั่งกัมพูชาจะซาลงในช่วงเช้า แต่ประชาชนส่วนใหญ่ ยังไม่สามารถกลับเข้าบ้าน เนื่องจากเจ้าหน้าที่ยังพบซากกระสุนและวัตถุระเบิดหลงเหลือในหลายจุด
โรงเรียนในพื้นที่ ปิดการเรียนการสอนชั่วคราวทั้งหมด 8 แห่ง เจ้าหน้าที่ทหารยังเดินหน้าตรวจตราแนวชายแดน 24 ชั่วโมง ขณะเดียวกันมีการจัดตั้ง หน่วยแพทย์ฉุกเฉินเคลื่อนที่ และรถพยาบาลสนับสนุนตลอดเส้นทางเข้าพื้นที่