ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา หลังเหตุปะทะ บนความร่วมมือที่เปราะบาง

สถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาเริ่มมีแนวโน้มคลี่คลาย หลังเกิดเหตุปะทะรุนแรงในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยทั้งสองฝ่ายได้เปิดการเจรจาในหลายระดับ ตั้งแต่ผู้บัญชาการทหารภาคสนามจนถึงการเตรียมประชุมระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ท่ามกลางความเสียหายทั้งทางเศรษฐกิจ การค้า และการย้ายถิ่นฐานของประชาชนจำนวนมาก การจับตาทิศทางความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศจึงเป็นประเด็นสำคัญ โดยเฉพาะการใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการสร้างเสถียรภาพระยะยาวท่ามกลางแรงกดดันจากภูมิภาค

หยุดยิงก่อน เจรจาทีหลัง

แม้ในช่วงแรกจะมีความสับสนเกี่ยวกับการประสานงาน แต่ท้ายที่สุด กองทัพไทย และ กองทัพกัมพูชา ก็สามารถเปิดการเจรจาอย่างไม่เป็นทางการในพื้นที่ชายแดน 3 จุดหลัก ครอบคลุมจังหวัดชายแดนของไทย 7 จังหวัด โดยแบ่งการหารือระหว่าง กองทัพภาคที่ 1 และ 2 ของไทย กับ กองทัพภูมิภาคที่ 3, 4 และ 5 ของกัมพูชา ทั้งแบบพบปะโดยตรงและการสื่อสารผ่านระบบออนไลน์

ผลจากการหารือดังกล่าวนำไปสู่ข้อตกลงหยุดยิงแบบเร่งด่วน รวมถึงข้อห้ามการใช้กำลังกับพลเรือน การเคลื่อนย้ายและเสริมกำลัง และการอำนวยความสะดวกในการส่งผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตกลับประเทศต้นทาง พร้อมจัดตั้งชุดประสานงานในพื้นที่เพื่อรับมือหากเกิดเหตุซ้ำ

ไทยควบคุมพื้นที่ยุทธศาสตร์ 11 จุด

พลเรือตรี สุรสันต์ คงศิริ รองโฆษก กองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ไทยสามารถควบคุมพื้นที่ยุทธศาสตร์ได้ทั้งหมด 11 จุดสำคัญ โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีความอ่อนไหวต่อข้อพิพาททางประวัติศาสตร์และภูมิรัฐศาสตร์ เช่น ภูมะเขือ, ช่องอานม้า, ปราสาทตาเมือนธม, เขาเสาธง, และ ปราสาทโดนตวล

แม้ข้อมูลการควบคุมพื้นที่จะยังไม่สามารถตรวจสอบโดยสื่อมวลชนอิสระในพื้นที่ได้ แต่ถือเป็นการประกาศจุดยืนของไทยว่าได้รักษาความมั่นคงในเขตแดนอย่างครบถ้วน ข้อมูลทั้งหมดอิงจากการแถลงของกองทัพเป็นหลัก

3 กลไกหลักกำหนดอนาคตความสัมพันธ์ไทย–กัมพูชา

ในเชิงโครงสร้างทางการทูต ไทยและกัมพูชามีกลไกความร่วมมือทวิภาคี 3 ระดับ ที่มีบทบาทสำคัญต่อการบริหารความสัมพันธ์ในสถานการณ์ปัจจุบัน ได้แก่ คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC), คณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) และ คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย–กัมพูชา (JBC)

RBC คือเวทีหารือระดับแม่ทัพภาค โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่แนวชายแดน ส่วน GBC เป็นการหารือระดับรัฐมนตรี ซึ่งคาดว่าจะมีการประชุมครั้งใหม่ในวันที่ 4 สิงหาคม ณ กรุงพนมเปญ แม้จะมีข้อกังวลเรื่องสถานะของ รัฐมนตรีกลาโหมไทย ที่ยังเป็นรักษาการอยู่ ในขณะที่ JBC เป็นกลไกด้านเขตแดนที่มีความซับซ้อนและเน้นการยุติข้อพิพาทตามบันทึกความเข้าใจปี 2543

ผลกระทบต่อเศรษฐกิจ การค้า และประชาชน

แม้สถานการณ์จะเริ่มสงบ แต่ผลกระทบจากเหตุปะทะยังคงมีอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะในด้าน การอพยพของประชาชน, การค้าชายแดน, และ การท่องเที่ยว ในพื้นที่ใกล้ชายแดน ทั้งฝั่งไทยและกัมพูชา

ประชาชนที่อพยพกว่าแสนคนยังต้องพักพิงในศูนย์พักชั่วคราว และคาดว่าจะเริ่มทยอยกลับบ้านได้ใน 2–3 วัน หากสถานการณ์ไม่ซ้ำรอย การปิดด่านถาวรกว่า 7 แห่ง ส่งผลให้ราคาพืชผลในกัมพูชาทรุดตัว โดยเฉพาะ ข้าวโพด ที่ราคาลดลงจาก 8 บาท เหลือเพียง 2–3 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนธุรกิจ โรงแรมและคาสิโนในเสียมราฐ ก็ได้รับผลกระทบหนัก จนต้องปิดกิจการเป็นจำนวนมาก

จากพื้นที่ปะทะสู่เวทีทูตภูมิภาค

การลดความตึงเครียดในปัจจุบันถือเป็นก้าวแรกของการคลี่คลายความขัดแย้ง แต่ยังมีประเด็นสำคัญที่ต้องจับตาในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นแนวคิดการจัดตั้ง เขตปลอดทหาร (DMZ), การทบทวนความสัมพันธ์ระดับยุทธศาสตร์, ไปจนถึงบทบาทของมหาอำนาจอย่าง จีน และ สหรัฐฯ ที่อาจเข้ามามีอิทธิพลในการเจรจาและถ่วงดุล

นอกจากนี้ การเชิญ ผู้ช่วยทูตทหาร จากหลายประเทศเข้าสังเกตการณ์ในพื้นที่แนวหน้า และการตั้งคำถามต่อ งบประมาณกลาโหมของกัมพูชา ก็เป็นอีกมิติหนึ่งที่สะท้อนความเปราะบางของดุลอำนาจในภูมิภาค ที่อาจส่งผลต่อเสถียรภาพของไทยในอนาคต

เหตุกราดยิงสนั่น อ.ต.ก.เสียชีวิตรวม 6 รายคาดปมขัดแย้งส่วนตัว

รัสเซียแผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 8.7 ญี่ปุ่นประกาศเตือนสึนามิถึง 3 เมตร