เจ้าหน้าที่ความมั่นคงบุกอายัดโดรนและรถยนต์ติดอุปกรณ์สแกนคลื่นความถี่จากบริษัทเทคโนโลยีในสมุทรปราการ หลังพบบุคคลสัญชาติสิงคโปร์เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ส่อพฤติกรรมเชื่อมโยงกิจกรรมต้องห้ามในไทย กำลังอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าอุปกรณ์ดังกล่าวเข้าข่ายการล้วงข้อมูลหรือสอดแนมความมั่นคงหรือไม่
เข้าตรวจค้นบริษัท หลังพบพฤติกรรมต้องสงสัย
เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา หน่วยงานด้านความมั่นคงร่วมกับเจ้าหน้าที่จากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และสำนักงาน กสทช. ได้เข้าตรวจค้นบริษัทเทคโนโลยีแห่งหนึ่งในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ หลังได้รับเบาะแสจากสายข่าวว่า บริษัทดังกล่าวครอบครอง โดรนไร้สัญชาติ และ รถยนต์ดัดแปลง ที่ติดตั้งระบบตรวจสอบคลื่นความถี่ผิดปกติ


จากการเข้าตรวจสอบ พบอุปกรณ์ต้องสงสัยหลายรายการ รวมถึงระบบควบคุมระยะไกลที่สามารถดักจับสัญญาณโทรศัพท์มือถือและสื่อสารไร้สายในบริเวณโดยรอบ เจ้าหน้าที่จึงทำการอายัดเพื่อนำไปตรวจสอบเชิงเทคนิคเพิ่มเติม โดยเบื้องต้นยังไม่พบใบอนุญาตการใช้อุปกรณ์วิทยุความถี่ตามที่กฎหมายกำหนด
เปิดข้อมูลโครงสร้างบริษัท พบชาวสิงคโปร์ถือหุ้นใหญ่
ผลการสืบค้นข้อมูลในทะเบียนนิติบุคคลของ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ระบุว่า บริษัทเทคโนโลยีแห่งนี้มี ชาวสิงคโปร์ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ร่วมกับคนไทยอีกบางส่วน และมีการนำเข้าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศในรูปแบบที่ไม่ผ่านกระบวนการตรวจสอบจากหน่วยงานรัฐ
แหล่งข่าวจากฝ่ายความมั่นคงเปิดเผยว่า ขณะนี้กำลังตรวจสอบว่า อุปกรณ์เหล่านี้เกี่ยวข้องกับการสอดแนมหรือการล้วงข้อมูลทางเทคโนโลยีหรือไม่ โดยเฉพาะในช่วงที่ประเทศไทยกำลังมีความอ่อนไหวด้านความมั่นคงชายแดน และมีปฏิบัติการทางไซเบอร์เกิดขึ้นหลายจุดทั่วประเทศ
กสทช. และหน่วยข่าวกรองร่วมสอบสวน หวั่นกระทบความมั่นคง
หลังการอายัดอุปกรณ์ หน่วยข่าวกรองด้านเทคโนโลยีและสัญญาณวิทยุได้ถูกสั่งให้เข้ามาร่วมตรวจสอบเชิงลึก พร้อมกับเชิญผู้บริหารของบริษัทดังกล่าวเข้าชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการนำเข้าและวัตถุประสงค์ในการใช้งาน
ทั้งนี้ สำนักงาน กสทช. อยู่ระหว่างพิจารณาว่าบริษัทดังกล่าวมีการใช้อุปกรณ์ที่รบกวนคลื่นความถี่สาธารณะ หรือมีการใช้อุปกรณ์ที่อาจเข้าข่ายการจารกรรมข้อมูลหรือไม่ หากพบว่ามีความผิดจริง อาจเข้าข่ายการละเมิดพระราชบัญญัติวิทยุคมนาคมและความผิดตามกฎหมายความมั่นคง

ความเคลื่อนไหวของต่างชาติในธุรกิจเทคโนฯถูกจับตาเข้ม
เจ้าหน้าที่ความมั่นคงยังจับตาธุรกิจเทคโนโลยีในไทยที่มี ชาวต่างชาติถือหุ้น อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะกิจการที่เกี่ยวข้องกับระบบข้อมูล เครือข่าย และอุปกรณ์สื่อสารไร้สาย ซึ่งอาจเป็นช่องทางให้เกิดการแทรกแซงหรือเข้าถึงข้อมูลสำคัญของรัฐหรือประชาชน
สำหรับกรณีบริษัทแห่งนี้ นอกจากการถือหุ้นโดยชาวสิงคโปร์แล้ว ยังพบว่ามีเครือข่ายเชื่อมโยงกับนิติบุคคลอีกหลายแห่งในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งกำลังถูกตรวจสอบว่ามีความเชื่อมโยงกับกิจกรรมต้องห้ามในต่างประเทศหรือไม่