คณะผู้สังเกตการณ์ 8 ชาติ ลงพื้นที่โรงพยาบาลพนมดงรัก หลังเหตุโจมตีข้ามแดนไทย–กัมพูชา ด้านหัวหน้าคณะชี้ทหารกัมพูชาไม่มืออาชีพ ต่างจากทหารไทยที่เป็นสุภาพบุรุษ
สถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ยังคงตึงเครียด หลังการโจมตีด้วยจรวด BM-21 ของกัมพูชาเมื่อปลายเดือนกรกฎาคม 2568 ส่งผลให้โรงพยาบาลพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ได้รับความเสียหาย กระทบต่อพื้นที่พลเรือนและสถานพยาบาล กระตุ้นให้มีการเรียกร้องให้นานาชาติเข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริง
เมื่อวันที่ 20 สิงหาคมที่ผ่านมา คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (Interim Observer Team – IOT) จาก 8 ประเทศอาเซียน ได้แก่ บรูไน มาเลเซีย ลาว อินโดนีเซีย เมียนมา ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และเวียดนาม ได้เดินทางลงพื้นที่โรงพยาบาลพนมดงรัก เพื่อตรวจสอบผลกระทบจากเหตุโจมตี โดยมีทูตทหารจากมาเลเซียในฐานะหัวหน้าคณะ

เสียงจากคณะผู้สังเกตการณ์ IOT
ผู้ช่วยทูตทหารมาเลเซีย ในฐานะหัวหน้าคณะผู้สังเกตการณ์ ได้แถลงต่อสื่อหลังลงพื้นที่ว่า
“ทหารกัมพูชาไม่มืออาชีพ ต่างจากทหารไทยที่เป็นสุภาพบุรุษ”
คำกล่าวนี้สะท้อนถึงความแตกต่างด้านวินัยและการประพฤติของกำลังทหารทั้งสองฝ่าย พร้อมยืนยันว่าภารกิจของ IOT ไม่ใช่การชี้ขาดว่าใครถูกหรือผิด แต่เพื่อ บันทึกข้อเท็จจริงและนำเสนอต่อที่ประชุมอาเซียน อย่างโปร่งใส
เหตุการณ์วุ่นวายที่ช่องอานม้า
ก่อนหน้านี้ 1 วัน (19 ส.ค. 2568) เกิดเหตุวุ่นวายขึ้นที่ ช่องอานม้า เมื่อมีทหารกัมพูชาเข้ามาป่วนขณะคณะ IOT กำลังปฏิบัติหน้าที่ จนทำให้บรรยากาศตึงเครียด กระทั่งทางการกัมพูชาต้องโทรศัพท์ขอโทษฝ่ายไทย โดยอ้างว่าทหารที่ก่อเหตุอยู่ในอาการมึนเมา

โฆษกกองทัพบก พล.ต.วินธัย สุวารี เปิดเผยว่า ฝ่ายไทยมีภาพถ่ายและหลักฐานชัดเจนว่าเป็นการกระทำของทหารกัมพูชา และยืนยันว่าไทยดำเนินการทุกอย่างอย่างโปร่งใส เป็นไปตามมาตรฐานสากล ไม่มีการจัดฉากแต่อย่างใด
การเมือง–การทูตยังคงต้องเดินหน้า
พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ย้ำว่า การนำคณะ IOT ลงพื้นที่เป็นไปตามข้อตกลงในที่ประชุม GBC (General Border Committee) ซึ่งเป็นกลไกความร่วมมือระหว่างไทย–กัมพูชา โดยผลจาก IOT จะถูกนำไปพิจารณาต่อใน RBC (Regional Border Committee) เพื่อหาทางคลี่คลายความขัดแย้ง
การลงพื้นที่ครั้งนี้ จึงไม่เพียงแต่สะท้อนความเสียหายเชิงประจักษ์ แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความพยายามสร้างกลไกตรวจสอบร่วม ที่อาจเป็นแนวทางลดความตึงเครียดและฟื้นฟูความเชื่อมั่นในภูมิภาค