รัฐบาลเตรียมเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนรับสิทธิโครงการ “รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย” ตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคม 2568 ก่อนเริ่มใช้จริงในวันที่ 1 ตุลาคม โดยมาตรการนี้ถูกออกแบบมาเพื่อลดภาระค่าครองชีพ แต่ยังมีข้อจำกัดสำคัญ คือ ผู้โดยสารที่ต้องการเดินทางเชื่อมต่อระหว่าง BTS, MRT และ ARL จะต้องใช้บัตรเดินทางมากกว่า 1 ใบ เนื่องจากแต่ละระบบอยู่ภายใต้การบริหารของคนละหน่วยงาน
เงื่อนไขการใช้สิทธิรถไฟฟ้า 20 บาท
โครงการดังกล่าวเปิดให้เฉพาะผู้มีสัญชาติไทยลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐ โดยใช้ บัตรประชาชน และบัตรเดินทางที่เลือกผูกกับสิทธิ หากไม่ได้ลงทะเบียน ผู้โดยสารจะต้องจ่ายค่าโดยสารตามอัตราปกติ
ค่าโดยสาร 20 บาทจะครอบคลุมการเดินทางตลอดสายของแต่ละระบบรถไฟฟ้าที่เข้าร่วม แต่จะมีข้อกำหนดเวลาไม่เกิน 180 นาทีต่อการเดินทาง เพื่อป้องกันการใช้สิทธิผิดวัตถุประสงค์
รถไฟฟ้าที่เข้าร่วมโครงการ ประกอบด้วย สายสีแดง, สายสีน้ำเงิน, สายสีม่วง, สายสีชมพู, สายสีเหลือง, สายสีเขียว และสายสีทอง โดยในอนาคต แอร์พอร์ตเรลลิงก์ (ARL) จะถูกบรรจุเข้ามาด้วย
ผู้โดยสารต้องใช้บัตรกี่ใบ?
แม้โครงการจะใช้ชื่อว่า “20 บาทตลอดสาย” แต่การเดินทางเชื่อมต่อระหว่างระบบที่ต่างกัน เช่น ขึ้น MRT แล้วเปลี่ยนไปใช้ BTS จะยังไม่สามารถใช้บัตรใบเดียวได้ ผู้โดยสารจำเป็นต้องพกบัตรอย่างน้อย 2 ใบ เพื่อใช้สิทธิตามระบบที่กำหนด
ตารางเปรียบเทียบการใช้บัตร EMV และ Rabbit Card
ประเภทบัตร | ระบบรถไฟฟ้าที่ใช้ได้ | หมายเหตุ |
บัตร EMV (บัตรเครดิต/เดบิตแบบแตะจ่าย) | สายสีน้ำเงิน, สีม่วง, สีแดง, สีเหลือง, สีชมพู และ ARL (อนาคต) | ผูกสิทธิโดยตรงกับบัญชีธนาคาร |
Rabbit Card (ABT เติมเงิน) | สายสีเขียว, สีทอง, สีเหลือง, สีชมพู | ต้องเป็นบัตร ABT รุ่นใหม่ ไม่รวมบัตร MRT Plus หรือบัตรเติมเงิน MRT เดิม |

ทั้งนี้ บัตรที่ไม่อยู่ในระบบ เช่น MRT Plus หรือบัตรเติมเงิน MRT แบบเดิม จะไม่สามารถใช้สิทธิรถไฟฟ้า 20 บาทได้



กำหนดการลงทะเบียนและเริ่มใช้งาน
ประชาชนสามารถเริ่มลงทะเบียนสิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคม 2568 ผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐ และจะสามารถใช้จริงได้ในช่วง 1 ตุลาคม 2568 – 30 กันยายน 2569
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทะเบียนและสิทธิการใช้งาน สามารถติดตามได้ผ่านเว็บไซต์และช่องทางประชาสัมพันธ์ของกระทรวงคมนาคม รวมถึงหน่วยงานผู้ให้บริการรถไฟฟ้าแต่ละระบบ