เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2568 เวลา 10.00 น. ที่สำนักงานอัยการจังหวัดนนทบุรี อัยการจังหวัดนนทบุรี มีคำสั่งฟ้อง นายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ เลขาธิการ มูลนิธิชีววิถี (Biothai) และมูลนิธิฯ ในข้อหา หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา หลังพิจารณาพยานหลักฐานแล้วพบว่ามีมูลความผิดจริง สืบเนื่องจากการเผยแพร่ภาพและข้อมูลที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับการระบาดของ ปลาหมอคางดำ ซึ่งสร้างความเข้าใจผิดแก่สังคมและก่อให้เกิดความเสียหายต่อ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ
คำสั่งฟ้องและกระบวนการทางกฎหมาย
ในการพิจารณาคดีครั้งนี้ อัยการได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง พบว่าการนำเสนอข้อมูลของมูลนิธิชีววิถีและนายวิฑูรย์เข้าข่ายการให้ข้อมูลเท็จต่อสาธารณะ อันเป็นการละเมิดกฎหมายหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา จึงมีคำสั่งฟ้องต่อศาลจังหวัดนนทบุรี โดยในวันเดียวกัน นายวิฑูรย์ได้เดินทางมารับฟังคำสั่งฟ้องด้วยตนเอง ถือเป็นการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามขั้นตอนที่กำหนด
การดำเนินคดีครั้งนี้มีจุดเริ่มต้นเมื่อปี 2567 เมื่อ ซีพีเอฟ เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน หลังพบว่ามูลนิธิชีววิถีใช้ภาพและข้อความที่บิดเบือนความจริงเผยแพร่ผ่านเวทีเสวนาสาธารณะและโซเชียลมีเดีย อันเป็นการสร้างความเข้าใจผิดเกี่ยวกับต้นตอและการแพร่กระจายของปลาหมอคางดำ ซึ่งเป็นปลาชนิดรุกรานที่สร้างปัญหาต่อระบบนิเวศและเศรษฐกิจการประมงของประเทศ

ปลาหมอคางดำ
ปลาหมอคางดำ หรือ Clarias gariepinus เป็นปลาต่างถิ่นที่ถูกนำเข้ามาเพาะเลี้ยงในประเทศไทยตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 2520 เนื่องจากโตเร็วและทนต่อสภาพน้ำหลากหลาย อย่างไรก็ตาม ปลาชนิดนี้กลับหลุดรอดสู่แหล่งน้ำธรรมชาติและแพร่ขยายอย่างรวดเร็ว จนเบียดเบียนพันธุ์ปลาท้องถิ่นหลายชนิด และส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศน้ำจืดของไทยอย่างรุนแรง
ข้อมูลจากกรมประมงระบุว่า ปัจจุบันปลาหมอคางดำเป็นสัตว์น้ำต่างถิ่นที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่ม “บุกรุกทำลายระบบนิเวศ” และเป็นภัยต่อความหลากหลายทางชีวภาพ ทั้งยังสร้างความเสียหายต่อชาวประมงพื้นบ้านที่รายได้ลดลงจากการหายไปของพันธุ์ปลาเศรษฐกิจในท้องถิ่น ทำให้ประเด็นนี้กลายเป็นเรื่องอ่อนไหวในสังคม และถูกนำมาเป็นประเด็นถกเถียงในเวทีสาธารณะอย่างต่อเนื่อง
การติดตามคดีและข้อมูลเพิ่มเติม
ในประเด็นนี้ สังคมยังคงจับตามองว่ากระบวนการพิจารณาคดีของศาลจังหวัดนนทบุรีจะดำเนินไปในทิศทางใด เนื่องจากคดีดังกล่าวเกี่ยวข้องทั้งด้านสิทธิการแสดงความคิดเห็นและการเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้องต่อสาธารณะ ทั้งยังเชื่อมโยงกับประเด็นสิ่งแวดล้อมและการดำเนินธุรกิจของบริษัทเอกชนรายใหญ่ในประเทศ ซึ่งคาดว่าจะมีการแถลงข่าวหรือความเคลื่อนไหวเพิ่มเติมจากทั้งฝ่าย Biothai และ ซีพีเอฟ ในระยะต่อไป