เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2568 พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เดินทางไปยังจังหวัดยะลา เพื่อบรรยายพิเศษในหัวข้อ “รวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย เพื่อการรักษาอธิปไตยของชาติ” โดยกล่าวถึงประเด็นการเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ว่าต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เนื่องจากเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของชาติและความมั่นคง พร้อมย้ำว่าควรดูพฤติกรรมและความจริงใจของกัมพูชาก่อนตัดสินใจ
การบรรยายสร้างแรงบันดาลใจแก่เยาวชนและประชาชน
การบรรยายจัดขึ้นที่หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา โดยแม่ทัพภาคที่ 2 แสดงความยินดีที่ได้กลับมาปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งเคยมีประสบการณ์ทำงานมาก่อน บรรยากาศเต็มไปด้วยความอบอุ่นและสร้างแรงบันดาลใจ เน้นการปลูกฝังความรักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ รวมถึงการสร้างความสามัคคีในสังคมพหุวัฒนธรรม
นอกจากนี้ แม่ทัพภาคที่ 2 ยังชี้ให้เห็นถึงความสำคัญในการรักษาอธิปไตยของชาติ และการมีส่วนร่วมของเยาวชนในการสร้างสันติสุขในพื้นที่ ซึ่งเป็นการตอกย้ำบทบาทของสถาบันการศึกษาในการเสริมสร้างจิตสำนึกและความเข้าใจด้านความมั่นคงของประเทศ
มุมมองต่อการเปิด-ปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา
ในช่วงถามตอบ แม่ทัพภาคที่ 2 ถูกสอบถามเกี่ยวกับการเปิดด่านตามข้อตกลงคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (GBC) โดยให้ความเห็นว่า การเปิดหรือปิดด่านส่งผลโดยตรงต่อเศรษฐกิจของกัมพูชา เนื่องจากสินค้าส่วนใหญ่ต้องนำเข้าจากไทย แต่ขณะเดียวกันก็มีปัญหาสังคมตามมา เช่น การพนัน บ่อนกาสิโน และการหลอกลวงทางออนไลน์ที่ใช้พื้นที่ฝั่งกัมพูชาเป็นฐานปฏิบัติการ
แม่ทัพภาคที่ 2 ระบุว่า การเปิดด่านอาจทำให้กัมพูชาเข้มแข็งขึ้นจากการได้รับสินค้าอุปโภคบริโภคจากไทย แต่คนไทยกลับต้องเผชิญปัญหาครอบครัวแตกแยกและหนี้สินจากการพนัน พร้อมยกคำพูดผู้ใหญ่ที่ว่า “ผลประโยชน์ของชาติต้องมาก่อนผลประโยชน์ส่วนตน” เพื่อย้ำถึงความสำคัญของการตัดสินใจเชิงยุทธศาสตร์
เน้นฟังนโยบายรัฐบาลและดูพฤติกรรมเพื่อนบ้าน
หลังการบรรยาย แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวย้ำว่า การตัดสินใจเปิดหรือปิดด่านต้องขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาลและเหตุผลด้านความมั่นคง พร้อมเน้นว่าควรฟังเหตุผลจากฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายความมั่นคง เพื่อสร้างความเข้าใจต่อประชาชน
สำหรับข้อกังวลของชาวบ้านที่ไม่มั่นใจในความสัมพันธ์กับกัมพูชา แม่ทัพภาคที่ 2 ชี้ว่า ต้องพิจารณาความจริงใจของประเทศเพื่อนบ้าน หากยังไม่ปรากฏชัด ก็ควรชะลอการเปิดด่านออกไปจนกว่าจะมั่นใจว่าไม่กระทบต่อผลประโยชน์และความมั่นคงของชาติไทย
