กสทช. จัดประชุมหารือเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2568 ที่สำนักงานใหญ่ กทม. เพื่อกำหนดแนวทางการนำเสนอข่าวสารที่ไม่ซ้ำเติมความรุนแรงต่อกลุ่มเปราะบาง หลังเกิดกรณีสื่อโทรทัศน์เผยแพร่คลิปที่มีเนื้อหาล้อเลียนและดูหมิ่นผู้ป่วยซึมเศร้าและผู้มีความหลากหลายทางเพศ โดยมีองค์กรวิชาชีพ นักวิชาการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม เพื่อจัดทำ “แนวปฏิบัติการรายงานข่าว” ที่จะใช้เป็นมาตรฐานสำหรับการนำเสนอข่าวเด็ก อาชญากรรม และเหตุการณ์ความรุนแรง พร้อมเปิดรับฟังความคิดเห็นสาธารณะในวันที่ 16 กันยายนนี้
จุดเริ่มต้นจากกรณีรายการโทรทัศน์ก่อกระแสวิพากษ์
การประชุมครั้งนี้มีขึ้นภายหลังเหตุการณ์เมื่อวันที่ 5 กันยายน ที่พิธีกรรายการโทรทัศน์ระดับชาติได้เผยแพร่เนื้อหาผ่านสื่อออนไลน์ โดยใช้ถ้อยคำหยาบคายและล้อเลียนกลุ่มผู้ป่วยซึมเศร้า รวมถึงผู้หญิงและผู้มีความหลากหลายทางเพศ สร้างความไม่พอใจในสังคม เนื่องจากเนื้อหาดังกล่าวกลายเป็นการตีตราและตอกย้ำอคติ
ต่อมา รายการโทรทัศน์หลายช่องยังนำคลิปเหตุการณ์ดังกล่าวไปเผยแพร่ซ้ำ ยิ่งกระตุ้นให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์วงกว้าง และสะท้อนปัญหาการกลั่นกรองเนื้อหาในระบบสื่อมวลชนปัจจุบัน

นักวิชาการ-องค์กรวิชาชีพ เสนอแนวทางยกระดับมาตรฐานสื่อ
ศ.ดร.พิรงรอง รามสูต กรรมการ กสทช. ด้านกิจการโทรทัศน์ ระบุว่า ปัจจุบันสื่อจำนวนมากเลือกใช้คอนเทนต์ออนไลน์ที่เน้นความรุนแรงโดยขาดการพิจารณาจากกองบรรณาธิการ จึงจำเป็นต้องวางมาตรฐานใหม่ที่เข้มงวด พร้อมเปิดช่องทางร้องเรียนเพื่อคุ้มครองสิทธิของผู้ชม
ด้าน นพ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ อดีตที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต ชี้ว่า การตีตราผู้มีปัญหาทางจิตอาจนำไปสู่ Hate Speech และความรุนแรงในชีวิตจริง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อทั้งสังคมและเศรษฐกิจ จึงควรสร้างบรรทัดฐานทางสังคม ไม่ใช่อาศัยกฎหมายเพียงอย่างเดียว
มุมมองด้านกฎหมายและการกำกับดูแล
นายไพบูลย์ อมรภิญโญเกียรติ ผู้เชี่ยวชาญกฎหมายข้อมูลส่วนบุคคล ย้ำว่าข้อมูลสุขภาพถือเป็น “ข้อมูลอ่อนไหวพิเศษ” แม้สื่อจะมีข้อยกเว้นบางประการ แต่หากละเมิดยังอาจมีโทษทางอาญา ขณะที่ นายชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี ประธานสภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ เห็นด้วยกับการกำหนดมาตรฐานวิชาชีพ แต่ยอมรับว่าระบบปัจจุบันยังเป็นเพียงการสมัครใจ
ขณะเดียวกัน นพ.พีระวัฒน์ โชติธรรมโม นายกสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย เสนอให้ กสทช. กำหนดเงื่อนไขด้านกองบรรณาธิการ เพื่อรับรองคุณภาพของการกลั่นกรองเนื้อหา ส่วน นายโกศล สงเนียม ผู้แทนจากไทยพีบีเอส มองว่าควรสร้างบรรทัดฐานเดียวกันระหว่างรายการออนแอร์และแพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อไม่ให้เกิดช่องว่างในมาตรการกำกับดูแล
เดินหน้าออกแนวปฏิบัติรับฟังความเห็นสาธารณะ
กสทช. ระบุว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดทำ “แนวปฏิบัติการรายงานข่าว” ร่วมกับนักวิชาการและองค์กรวิชาชีพ โดยจะครอบคลุมการนำเสนอข่าวเด็ก ข่าวอาชญากรรม และเหตุการณ์ความรุนแรง เป้าหมายคือการยกระดับคุณภาพสื่อไทย สร้างระบบนิเวศที่เคารพสิทธิ และไม่ผลิตซ้ำความรุนแรง ทั้งนี้จะมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นสาธารณะเพิ่มเติมในวันนี้ (16 กันยายน)