วันที่ 6 ตุลาคม 2568 ที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นาง กุสุมาลวตี ศิริโกมุท หรือที่รู้จักในชื่อ “เจ๊แมว” เดินทางเข้าให้ปากคำเพิ่มเติมต่อพนักงานสืบสวนคดีที่ดิน เขากระโดง หลังยื่นให้ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ โดยระบุว่ามีหลักฐานชัดเจนถึงการบุกรุกที่ดินของรัฐ พร้อมเรียกร้องให้สังคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมตรวจสอบความโปร่งใส ย้ำ “จะสู้จนกว่าความจริงจะปรากฏ”
เจ๊แมวเข้าให้ปากคำดีเอสไอ ยืนยันมีหลักฐานชัดคดีบุกรุกที่ดินหลวง
นาง กุสุมาลวตี ศิริโกมุท เปิดเผยก่อนเข้าพบพนักงานสืบสวนคดีพิเศษ ว่า ตนกลับมาที่ดีเอสไออีกครั้ง เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมในคดีบุกรุกที่ดิน เขากระโดง ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ยื่นเรื่องให้ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ เนื่องจากเห็นชัดว่ามีการบุกรุกที่ดินสาธารณะของ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)
เธอกล่าวว่า จากการศึกษาคำพิพากษาศาลฎีกา และคำตัดสินของศาลปกครองกลาง รวมถึงศาลอุทธรณ์ ภาค 3 ต่างยืนยันว่าที่ดินดังกล่าวเป็นกรรมสิทธิ์ของ รฟท. 100 เปอร์เซ็นต์ จึงเชื่อว่ามีการกระทำผิดจริง พร้อมระบุว่า “เมื่อความจริงปรากฏแล้ว ประชาชนไม่ควรนิ่งเฉย ความยุติธรรมและคุณธรรมต้องมาก่อนอำนาจและผลประโยชน์”

ชี้ชัด 4 แปลงที่ดินผิดกฎหมาย พาดพิงอดีตรัฐมนตรีและครอบครัว
นางกุสุมาลวตี ระบุว่า ขณะนี้มีที่ดินอย่างน้อย 4 แปลง ที่มีความผิดชัดเจน ซึ่งปรากฏชื่อของ นางกรุณา ชิดชอบ ที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ชี้มูลความผิดแล้ว รวมถึงพื้นที่ที่ถูกนำไปใช้เป็นสนามแข่งรถ สนามฟุตบอล สิ่งปลูกสร้าง และบ้านพักของ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ อดีต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม รวมทั้งที่ดินในชื่อของ นายไชยชนก ชิดชอบ
เธอย้ำว่า พื้นที่ทั้งหมดต้องคืนให้รัฐ เนื่องจากเป็นที่ดินหลวงซึ่งมีคำพิพากษายืนยันมากว่า 100 ปี ตั้งแต่รัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 6 พร้อมเรียกร้องให้ รฟท. บังคับคดีโดยไม่จำเป็นต้องฟ้องร้องเพิ่มเติม “แค่บังคับคดีก็เพียงพอ ที่ดินต้องกลับมาเป็นสมบัติของประชาชน”
ร้องรัฐเร่งดำเนินการ ย้ำไม่เกรงกลัวอิทธิพลหรือการแทรกแซง
“เจ๊แมว” เผยว่า ตนได้ทำหนังสือถึงผู้ว่าการ รฟท. และอดีตรัฐมนตรีช่วยคมนาคมในขณะนั้น เพื่อให้ดำเนินการตามคำพิพากษา แต่ภายหลังการเปลี่ยนรัฐบาล ทำให้กระบวนการบางส่วนหยุดชะงัก โดยตั้งข้อสังเกตว่าอาจมีการ แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม หลังมีการย้ายเจ้าหน้าที่และข่มขู่ข้าราชการ
เธอยืนยันว่า “ไม่กลัวอิทธิพล ไม่ว่าผู้กระทำจะมีตำแหน่งใหญ่โตเพียงใด เพราะกฎหมายคือกฎหมาย ความผิดคือความผิด” พร้อมขอบคุณ นายสนธิ ลิ้มทองกุล และ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ ที่ร่วมสนับสนุนการเปิดโปง และขอให้ประชาชนร่วมติดตามอย่างใกล้ชิด
ขยายผลคดีอื่น – ฮั้ว ส.ว. และรันเวย์เถื่อน เตรียมร้องผู้ตรวจการแผ่นดิน
นอกจากคดีที่ดินเขากระโดง นางกุสุมาลวตี ยังกล่าวถึงคดีอื่นที่อยู่ระหว่างดำเนินการ เช่น คดีฮั้วการเลือกตั้ง ส.ว. ซึ่งเธอมีเอกสารหลักฐานจากคณะอนุกรรมการสืบสวนและไต่สวน คณะที่ 26 รวมถึงกรณี รันเวย์เถื่อน ที่เตรียมร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย
เธอย้ำว่า “จะสู้ทุกเรื่องจนถึงที่สุด เพื่อให้มีคนรับผิดและถูกลงโทษตามกฎหมาย” พร้อมแสดงความกังวลต่อการที่หน่วยงานรัฐบางแห่งยังไม่เร่งรัดคดี และระบุว่า ดีเอสไอกำลังเร่งดำเนินการเพื่อเสนอให้เป็นคดีพิเศษภายใน 4 เดือน โดยยืนยันจะติดตามและผลักดันอย่างต่อเนื่องเพื่อความโปร่งใส