วันที่ 15 ตุลาคม 2568 ที่อาคารรัฐสภา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางเข้ายื่นเอกสารเพิ่มเติมต่อ คณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้ตรวจสอบการใช้อำนาจของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หลังเห็นว่าเป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบ พร้อมเปิดเผยว่าภายในสัปดาห์หน้า เตรียมยื่นฟ้องตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ต่อศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง

“บิ๊กโจ๊ก” เข้าสภา ยื่นเอกสารเพิ่ม กมธ.มั่นคงตรวจสอบ ผบ.ตร.

เวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล เดินทางมาพร้อมเอกสารหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อมอบให้กับคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ ซึ่งมี นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เป็นประธาน โดยระบุว่าเอกสารดังกล่าวเกี่ยวข้องกับคำสั่งทางวินัยที่ออกโดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ซึ่งตนเห็นว่าไม่เป็นไปตามหลักกฎหมาย

“วันนี้คุณรังสิมันต์ได้ขอให้ผมนำข้อมูลมาเพิ่มเติมในบางประเด็น เพื่อให้เกิดความเรียบร้อยชัดเจน เช่น วันที่ออกคำสั่ง และสถานะทางคดีอาญาของผมในขณะนั้น ซึ่งทั้งหมดชี้ชัดว่าผมไม่ได้ถูกแจ้งข้อหาคดีอาญาใดๆ” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าว

อดีตรอง ผบ.ตร. ยังชี้ว่า การตั้งคณะกรรมการสอบวินัยข้าราชการตำรวจสามารถทำได้ก็ต่อเมื่อมีการดำเนินคดีอาญาเท่านั้น หากไม่มีมูลคดี การตั้งกรรมการเช่นนี้ถือว่าเกินขอบเขตอำนาจ และอาจถูกมองว่าเป็นการกลั่นแกล้งทางตำแหน่ง

จ่อฟ้อง “บิ๊กต่าย” ผบ.ตร. ตาม ม.157 ต่อศาลอาญาทุจริตฯ

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่า จากกรณีดังกล่าวถือเป็นการใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายอาญา โดยขณะนี้ได้ดำเนินคดีหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาไปแล้ว และอยู่ระหว่างเตรียมเอกสารเพื่อยื่นฟ้อง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ เพิ่มเติมในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ต่อ ศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ภายในสัปดาห์หน้า

เขากล่าวย้ำว่า การใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่รัฐต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย ไม่สามารถใช้ตำแหน่งสั่งการตามอำเภอใจได้ และหากปล่อยให้เกิดบรรทัดฐานเช่นนี้ อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อองค์กรตำรวจโดยรวม