สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ออกประกาศเตือนถึงบรรดาอินฟลูเอนเซอร์ (Influencer) และผู้ค้าขายสินค้าออนไลน์ทั่วประเทศ ให้ระมัดระวังการโฆษณาและจำหน่ายสินค้าในรูปแบบที่อาจเข้าข่าย “ธุรกิจตลาดแบบตรงโดยไม่ได้รับอนุญาต” หลังตรวจพบว่ามีผู้ขายบางรายโพสต์โฆษณาเกินจริง เช่น “ขายดีจนของหมด” หรือ “ยอดขายถล่มทลาย” ซึ่งอาจหลอกลวงผู้บริโภคและฝ่าฝืนกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค พร้อมย้ำหากพบการกระทำผิดจะดำเนินคดีโดยไม่ละเว้น
สคบ. ชี้อินฟลูฯ ต้องขออนุญาต หากมีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี
สคบ. ระบุว่า ผู้ที่ทำธุรกิจขายสินค้าออนไลน์ไม่ว่าจะเป็นบุคคลทั่วไป พ่อค้าแม่ค้า หรืออินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง หากมีรายได้จากการจำหน่ายสินค้าหรือการชักชวนให้ซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ตั้งแต่ 1.8 ล้านบาทขึ้นไปต่อปี ต้องยื่นขออนุญาตประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงกับ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ตามพระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 นอกจากนี้ ผู้ประกอบการและผู้โฆษณาทุกรายยังต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 ซึ่งกำหนดให้สินค้าทุกชิ้นต้องมีฉลากครบถ้วนและถูกต้อง การโฆษณาต้องไม่เกินจริงหรือก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญของสินค้า มิฉะนั้นจะถือว่าฝ่าฝืนกฎหมายและมีโทษทางอาญา
การโฆษณาเกินจริง-ตลาดตรงเถื่อน มีโทษทั้งจำและปรับ
สคบ. เตือนว่า การประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงโดยไม่ได้รับอนุญาต ถือเป็นความผิดตามกฎหมาย มีโทษทั้งจำและปรับ และหากตรวจพบว่ามีการโฆษณาอันเป็นเท็จหรือหลอกลวงผู้บริโภค จะถูกดำเนินคดีโดยไม่มีการละเว้น โดยหน่วยงานกำลังเร่งตรวจสอบพฤติกรรมดังกล่าวร่วมกับแพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและความโปร่งใสในระบบการค้าออนไลน์ หน่วยงานยังได้เน้นย้ำให้ผู้ขายและผู้ทำคอนเทนต์ตระหนักว่า การสร้างความน่าเชื่อถือทางธุรกิจต้องอาศัยความถูกต้องและโปร่งใส ไม่ใช่การใช้ถ้อยคำโฆษณาเกินจริงเพื่อกระตุ้นยอดขาย เพราะพฤติกรรมดังกล่าวไม่เพียงแต่ทำให้ผู้บริโภคหลงเชื่อเท่านั้น แต่ยังส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของผู้ค้าเองในระยะยาว
สคบ. ฝากเตือนอินฟลูฯ ยุคดิจิทัล “ชื่อเสียงสร้างได้ แต่ความซื่อสัตย์ต้องรักษา”
สคบ. ยังทิ้งท้ายถึงอินฟลูเอนเซอร์และผู้ค้าขายออนไลน์ว่า “ชื่อเสียงอาจสร้างได้จากคอนเทนต์ แต่ความน่าเชื่อถือต้องสร้างจากความถูกต้อง” พร้อมแนะให้ผู้ขายรู้เท่าทันกฎหมาย และทำธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ เพื่อไม่ให้ตกเป็นผู้กระทำผิดโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ในยุคที่การซื้อขายออนไลน์เติบโตอย่างรวดเร็ว “ยอดขายสูงไม่สำคัญเท่าความซื่อสัตย์ต่อผู้บริโภค” จึงเป็นหลักสำคัญที่ผู้ค้าควรยึดถือ เพื่อสร้างระบบการค้าออนไลน์ที่ยั่งยืนและเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย
