วันที่ 16 ตุลาคม 2568 ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หัวหน้าพรรคไทยก้าวใหม่ ลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุ หลุมยุบถนนสามเสน ที่ส่งผลกระทบต่ออาคารโดยรอบและการจราจรในพื้นที่ พร้อมยอมรับว่าการซ่อมแซมอุโมงค์ใต้ดินเป็น “งานซับซ้อนและยากที่สุดในกระบวนการกู้ภัย” พร้อมเสนอแนวทางแก้ไขโดยใช้ “กล่องคอนกรีตจากผิวดิน” เพื่อซ่อมอุโมงค์อย่างปลอดภัย แม้อาจต้องใช้เวลานานกว่าเดิม ดร.สุชัชวีร์ ลงพื้นที่ตรวจสอบหลุมยุบสามเสน ย้ำต้องให้ข้อมูลโปร่งใส สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวหลังลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุหลุมยุบ บริเวณถนนสามเสน ใกล้ สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินวชิรพยาบาล ว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดจาก “ดินทะลักเข้าอุโมงค์ตัวบน” บริเวณจุดเชื่อมต่อกับผนังสถานี ทำให้เกิดหลุมขนาดใหญ่บนผิวถนน และส่งผลให้อาคารใกล้เคียง เช่น สถานีตำรวจสามเสน ทรุดตัวอย่างหนัก เขาอธิบายว่า อาคารทีปังกรรัศมีโชติ ซึ่งมีเสาเข็มยาวกว่า ยังคงปลอดภัยในขณะที่อาคารตำรวจสามเสนซึ่งใช้เสาเข็มสั้นกว่ามีความเสี่ยงสูง ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด พร้อมย้ำว่า “การให้ข้อมูลอย่างโปร่งใสจะช่วยลดความตื่นตระหนกของประชาชนในพื้นที่ได้มากที่สุด” ขั้นตอนกู้ภัย-อุดอุโมงค์ เดินหน้าเต็มที่แต่ยังไม่เสถียร จากรายงานของ ดร.สุชัชวีร์ การซ่อมแซมเริ่มจากการถมกระสอบทรายจำนวนมากเพื่อปิดช่องอุโมงค์ แต่ไม่สามารถยึดตัวได้ดีพอ จึงต้องเทปูนผสมและเติมทรายหลายพันลูกบาศก์เมตรเพื่อกลบหลุม อย่างไรก็ตาม น้ำหนักของทรายและระดับน้ำใต้ดินที่สูง รวมถึงฝนตกหนักในช่วงหลายวัน ทำให้ดินยังคงทรุดต่อเนื่อง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ใช้วิธี “หล่อผนังคอนกรีต” ปิดปากอุโมงค์จากด้านในสถานี และ “ฉีดคอนกรีต” เพื่ออุดผนังอุโมงค์ที่เสียหาย พร้อมสร้าง “กำแพงเสาเข็มซีเมนต์” 12 ต้น จากผิวดิน เพื่อป้องกันดินถล่มเพิ่มเติม ขณะเดียวกันมีการติดตั้งเครื่องวัดการทรุดตัวซึ่งพบว่าความเคลื่อนไหวของดินเริ่มลดลง เสนอใช้กล่องคอนกรีตซ่อมอุโมงค์ – ปลอดภัยแต่ต้องใช้เวลา ในขั้นตอนการฟื้นฟูอุโมงค์ ดร.สุชัชวีร์ ยอมรับว่านี่คือ “งานยากที่สุด” เนื่องจากต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของอาคารโดยรอบและระบบโครงสร้างใต้ดิน เขาแนะนำแนวทาง “สร้างกล่องคอนกรีตจากผิวดิน” แล้วค่อยขุดลงไปซ่อมอุโมงค์ ซึ่งเป็นวิธีที่ปลอดภัยและลดความเสี่ยงต่อการทรุดตัวซ้ำ อย่างไรก็ตาม เขาระบุว่ากระบวนการดังกล่าวอาจใช้เวลานาน และขอให้ประชาชนเข้าใจว่า การเร่งรัดโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยอาจสร้างปัญหาในระยะยาว พร้อมขอให้ผู้เกี่ยวข้องให้ข้อมูลสาธารณะอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและผู้ใช้ถนน


