ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติผ่านร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด 309 เสียง หลังถกมาราธอนเกือบเดือน เตรียมส่งต่อวุฒิสภาพิจารณา มุ่งจัดการมลพิษอย่างเป็นระบบทั่วประเทศ
วันที่ 21 ตุลาคม 2568 ที่รัฐสภา ที่ประชุม สภาผู้แทนราษฎร ลงมติผ่านร่าง พระราชบัญญัติบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด ด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น 309 เสียง หลังจากถกเถียงกันอย่างเข้มข้นและต่อเนื่องเกือบหนึ่งเดือนเต็ม โดยร่างกฎหมายฉบับนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของประเทศไทยในการสร้างระบบบริหารจัดการคุณภาพอากาศอย่างยั่งยืน ก่อนจะส่งต่อให้ วุฒิสภา พิจารณาในขั้นตอนถัดไป
ผ่านฉลุย 309 เสียง หลังพิจารณายืดเยื้อเกือบเดือน
การประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันนี้เป็นช่วงโค้งสุดท้ายของการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด หลังจากที่ คณะกรรมาธิการวิสามัญ ใช้เวลาปรับปรุงรายละเอียดนานหลายสัปดาห์ โดยเฉพาะการเพิ่มมาตราขึ้นใหม่จำนวนมาก ทำให้ร่างกฎหมายจากเดิมที่มีเพียง 104 มาตรา ขยายเพิ่มเป็นเกือบ 300 มาตรา เพื่อให้ครอบคลุมประเด็นการจัดการมลพิษทางอากาศในทุกมิติ
การพิจารณาเริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน 2568 และยืดเยื้อถึงเกือบหนึ่งเดือนเต็ม ก่อนที่ที่ประชุมจะลงมติใน วาระ 3 โดยผลปรากฏว่า มีผู้เห็นชอบ 309 เสียง งดออกเสียง 4 เสียง และไม่ลงคะแนน 5 เสียง ไม่มีผู้ไม่เห็นด้วยแม้แต่รายเดียว สะท้อนให้เห็นถึงความเห็นพ้องของทุกฝ่ายต่อความจำเป็นของกฎหมายฉบับนี้
เน้นจัดการมลพิษเชิงระบบ สร้างกลไกใหม่เพื่ออากาศสะอาดถาวร
สาระสำคัญของ พ.ร.บ.อากาศสะอาด ฉบับนี้ คือการวางระบบบริหารจัดการคุณภาพอากาศแบบบูรณาการ เพื่อควบคุมมลพิษจากทุกภาคส่วน ทั้งภาคอุตสาหกรรม เกษตรกรรม และการคมนาคม รวมถึงกำหนดมาตรฐานคุณภาพอากาศแห่งชาติให้สอดคล้องกับหลักสากล
นอกจากนี้ ยังมีการจัดตั้ง คณะกรรมการบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาดแห่งชาติ ทำหน้าที่กำกับ ดูแล และประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การดำเนินนโยบายเป็นไปอย่างมีเอกภาพ พร้อมทั้งส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบคุณภาพอากาศและเข้าถึงข้อมูลได้แบบเรียลไทม์
เตรียมส่งต่อวุฒิสภาพิจารณาในขั้นตอนถัดไป
ภายหลังจากการลงมติผ่านในสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ร่างกฎหมายดังกล่าวจะถูกส่งต่อให้ วุฒิสภา พิจารณาในลำดับถัดไป เพื่อให้กระบวนการออกกฎหมายสมบูรณ์ ก่อนประกาศบังคับใช้ทั่วประเทศ หากผ่านขั้นตอนทั้งหมดตามกำหนด คาดว่ากฎหมายฉบับนี้จะเริ่มมีผลบังคับใช้ภายในปี 2569
หลายฝ่ายมองว่า พ.ร.บ.ฉบับนี้จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ลดผลกระทบจากฝุ่น PM2.5 และปัญหาหมอกควันที่เรื้อรังในหลายพื้นที่ของประเทศ