ครป. ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี “อนุทิน ชาญวีรกูล” เรียกร้องตรวจสอบ “นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์” ประธาน กสทช. หลังพบแจ้งข้อมูลเท็จและขัดคุณสมบัติตามกฎหมาย
เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2568 คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) ยื่นหนังสือถึง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายต่อ ศาสตราจารย์คลินิก นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) หลังพบมีพฤติการณ์ขาดคุณสมบัติและแจ้งข้อมูลเท็จในการเข้ารับตำแหน่ง ขณะเดียวกันยังมีข้อสงสัยว่าดำรงตำแหน่งซ้ำซ้อนกับการเป็นแพทย์ในสังกัดมหาวิทยาลัยและโรงพยาบาลเอกชน ซึ่งอาจขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ครป. ยื่นหลักฐานชี้ “นพ.สรณ” แจ้งข้อมูลเท็จต่อวุฒิสภา
นายเมธา มาสขาว รักษาการเลขาธิการ ครป. ในฐานะผู้ประสานงานเครือข่ายประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อนายกรัฐมนตรีให้เร่งดำเนินการทางกฎหมายกับ นพ.สรณ เนื่องจากมีลักษณะต้องห้ามในการดำรงตำแหน่ง ประธาน กสทช. ตามพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ. 2553 และที่แก้ไขเพิ่มเติม หลัง คณะกรรมาธิการเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และโทรคมนาคม วุฒิสภา ตรวจพบว่า นพ.สรณ ยังคงเป็นพนักงานของมหาวิทยาลัยในช่วงเวลาที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นกรรมการ กสทช.
จากรายงานของสำนักข่าวอิศรา ลงวันที่ 9 ตุลาคม 2568 พบเอกสารระบุว่า มหาวิทยาลัยมหิดลเคยแจ้งต่อกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ว่า ระหว่างวันที่ 8 มกราคม ถึง 12 เมษายน 2565 นพ.สรณมีสถานะเป็น “แพทย์ตอบแทนรายชั่วโมง” ซึ่งเป็นการประกอบวิชาชีพอิสระ ไม่ใช่พนักงานมหาวิทยาลัย อย่างไรก็ตาม ในวันเดียวกันนั้น นพ.สรณกลับยื่นเอกสารรับรองต่อวุฒิสภาว่าได้ลาออกจากวิชาชีพแพทย์แล้ว จึงเป็นหลักฐานชี้ว่ามีการ แจ้งข้อมูลเท็จ ต่อวุฒิสภาและเข้าข่ายกระทำผิดตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 8 (3) และมาตรา 182
ชี้นายกฯ ต้องรับผิดชอบ หากเพิกเฉยต่อข้อร้องเรียน
ครป. ระบุว่า นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้มีอำนาจตามกฎหมายต้องดำเนินการตรวจสอบโดยไม่ปล่อยให้กรณีดังกล่าวถูกละเลย เนื่องจากมีข้อมูลชัดเจนว่า นพ.สรณ เคยให้การรักษาสมาชิกในครอบครัวของนายกรัฐมนตรี ซึ่งอาจทำให้เกิดข้อสงสัยเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน พร้อมเตือนว่า หากนายกรัฐมนตรีละเลยหน้าที่หรืออ้างเหตุผลส่วนตัว อาจเข้าข่าย “ขัดจริยธรรมร้ายแรง” ตามมาตรฐานทางจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
นอกจากนี้ ครป. ยังเปิดเผยว่ามีกรณีแต่งตั้ง เลขานุการประธาน กสทช. เป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งยังดำรงตำแหน่งอยู่ใน กสทช. ส่งผลให้เกิดความเชื่อมโยงทางผลประโยชน์ระหว่างฝ่ายการเมืองและองค์กรอิสระ โดยครป. ยืนยันว่า หากนายกรัฐมนตรีไม่ดำเนินการตามกฎหมาย จะต้องถูกตรวจสอบในฐานะผู้ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
ครป. เรียกร้องเพิกถอนตำแหน่งและชะลอการประมูลคลื่น
ครป. เห็นว่าการดำรงตำแหน่งของ นพ.สรณ รวมถึง นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการเลขาธิการ กสทช. อาจเป็นโมฆะ เนื่องจากกระบวนการแต่งตั้งไม่เป็นไปตามกฎหมาย โดยเฉพาะกรณีที่นายไตรรัตน์ได้รับการประเมินให้เปลี่ยนจากพนักงานสัญญาจ้างเป็นพนักงานประจำโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ กสทช. อย่างเป็นทางการ
ครป. จึงเรียกร้องให้ สำนักงาน กสทช. และคณะกรรมการชุดปัจจุบันระงับการประมูลคลื่นความถี่โทรคมนาคมที่กำลังจะเกิดขึ้น เพื่อป้องกันการผูกขาดโดยเอกชนรายใหญ่ พร้อมเสนอให้เริ่มกระบวนการสรรหาประธานและเลขาธิการ กสทช. ใหม่โดยเร็ว เพื่อสร้างความโปร่งใสและความเชื่อมั่นต่อสาธารณะ
ครป. จี้แพทยสภาตรวจสอบจริยธรรม “นพ.สรณ”
นอกจากการร้องต่อนายกรัฐมนตรีแล้ว ครป. ยังขอให้ แพทยสภา ตรวจสอบจริยธรรมทางการแพทย์ของ นพ.สรณ และพิจารณาเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพตลอดชีวิต หากพบว่ามีการกระทำผิดจริง โดยระบุว่า การคงดำรงตำแหน่งทั้งในภาครัฐและเอกชนพร้อมกันถือเป็นการขัดต่อจรรยาบรรณและกฎหมายอย่างชัดเจน
ครป. ย้ำว่า หากรัฐบาลยังเพิกเฉยต่อหลักฐานที่มีอยู่ จะเป็นการปล่อยให้ผู้ไม่มีคุณสมบัติเข้ามาก้าวล่วงอำนาจหน้าที่ในองค์กรอิสระ ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศอย่างร้ายแรง พร้อมขอให้นายกรัฐมนตรีเร่งดำเนินการตามอำนาจหน้าที่เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนและความน่าเชื่อถือของรัฐ


