นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เชิญชวนประชาชนใช้สิทธิ “คนละครึ่ง พลัส” วันแรก ย้ำเฟส 2 เน้นช่วยกลุ่มเปราะบางและผู้ไม่มีมือถือ พร้อมเตือนห้ามนำสิทธิแลกเงินสดผิดกฎหมาย
วันที่ 29 ตุลาคม เวลา 07.18 น. ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวเชิญชวนประชาชนทั่วประเทศร่วมใช้สิทธิในโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” ซึ่งเริ่มเปิดใช้วันแรกในวันนี้ พร้อมย้ำว่า โครงการเฟส 2 จะให้ความสำคัญกับกลุ่มเปราะบางและผู้ไม่มีโทรศัพท์มือถือ เพื่อไม่ให้ใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง อีกทั้งเตือนประชาชนอย่านำสิทธิไปแลกเงินสด เพราะถือเป็นการกระทำผิดกฎหมาย
นายกฯ เปิดใช้สิทธิ “คนละครึ่ง พลัส” กระตุ้นเศรษฐกิจทั่วประเทศ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล เปิดเผยว่า การเริ่มต้นโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” ถือเป็นโอกาสดีที่ประชาชนจะได้ร่วมกันกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี โดยรัฐบาลตั้งเป้าให้มาตรการนี้ช่วยเพิ่มกำลังซื้อและสร้างรายได้ให้กับประชาชนในทุกพื้นที่ตลอดระยะเวลา 2 เดือนของโครงการ พร้อมเชิญชวนให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ์อย่างคึกคัก เพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง
นายกรัฐมนตรีกล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐบาลมีความตั้งใจให้ “คนละครึ่ง พลัส” เป็นโครงการที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยและผู้ที่ได้รับผลกระทบจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น ทั้งยังถือเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายเศรษฐกิจเพื่อประชาชน ที่มุ่งลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมและเพิ่มคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน
เฟส 2 เน้นกลุ่มตกหล่น – เปราะบาง – ไม่มีโทรศัพท์มือถือ
เมื่อถูกถามถึงความเป็นไปได้ของการเปิดโครงการ “คนละครึ่ง พลัส เฟส 2” นายกรัฐมนตรีเผยว่า ได้หารือกับ นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแล้ว เพื่อจัดทำแนวทางช่วยเหลือกลุ่มที่ยังไม่ได้รับสิทธิ์ โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุและผู้เปราะบางที่ไม่สามารถลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันได้
นายอนุทินระบุว่า รัฐบาลตระหนักถึงปัญหาการเข้าถึงเทคโนโลยีของประชาชนบางกลุ่ม จึงเตรียมออกมาตรการเฉพาะเพื่อให้สามารถใช้สิทธิ์ได้อย่างทั่วถึง “เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” นายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำ พร้อมระบุว่าการดูแลกลุ่มเปราะบางคือหัวใจสำคัญของนโยบายเศรษฐกิจแบบมีส่วนร่วม
เตือนอย่าแลกสิทธิเป็นเงินสด ผิดกฎหมาย – กระทบโครงการระยะต่อไป
นายอนุทินกล่าวเตือนประชาชนว่า การนำสิทธิในโครงการไปแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และเป็นการบิดเบือนเจตนารมณ์ของรัฐบาลที่ต้องการช่วยลดภาระค่าครองชีพ “การทำเช่นนั้นไม่เพียงผิดกฎหมาย แต่ยังทำให้โครงการดีๆ อาจไม่สามารถดำเนินต่อได้ เพราะต้องเสียเวลาในการตรวจสอบและสืบสวน” นายกรัฐมนตรีกล่าว
พร้อมกันนี้ ยังย้ำว่ารัฐบาลตั้งใจออกมาตรการช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง หากโครงการได้รับการตอบรับที่ดีและไม่มีปัญหาทุจริต “นี่คือโอกาสของประชาชนทุกคน ขอให้ใช้สิทธิ์อย่างถูกต้องและเต็มที่” นายอนุทินกล่าวทิ้งท้าย

 
                                 
                                 
                                 
                                 
                                 
                                 
                                 
                                
