พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล เรียกร้องผบ.ตร. ดำเนินคดีขบวนการซื้อขายตำแหน่ง ชี้องค์กรตำรวจสั่นคลอนจากส่วย–เว็บพนัน พร้อมเตือนนายกฯ อนุทินอาจเข้าข่าย ม.157 หากไม่เร่งสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ออกมากล่าวอย่างเผ็ดร้อนเมื่อวันที่ 19 พ.ย. 2568 ก่อนเข้าชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการกฎหมายและการยุติธรรม วุฒิสภา โดยเรียกร้องให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเร่งดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้องกับการ ซื้อขายตำแหน่งตำรวจ พร้อมระบุว่าวงการตำรวจ “พังพินาศ” จากส่วย เว็บพนัน และยาเสพติด พร้อมเตือนว่านายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล อาจเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หากไม่สั่งให้ ผบ.ตร. หยุดปฏิบัติหน้าที่เพื่อเปิดทางตรวจสอบอย่างโปร่งใส
บิ๊กโจ๊กชี้ปัญหาเรื้อรังในวงการตำรวจ ส่วย–เว็บพนัน–ยาเสพติดพัวพันระบบแต่งตั้ง
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เปิดเผยว่าข้อมูลที่เตรียมชี้แจงต่อกรรมาธิการมีลักษณะเดียวกับที่มอบให้คณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ แต่จะเพิ่มรายละเอียดเกี่ยวกับ “เส้นเงิน” และพฤติการณ์การซื้อขายตำแหน่งในหลายระดับ โดยระบุว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็นใหม่ และบุคคลอย่าง นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ก็มีข้อมูลอยู่จำนวนมากและพร้อมเปิดเผยต่อกรรมาธิการเช่นกัน
เขาย้ำว่าสถานการณ์ในองค์กรตำรวจขณะนี้อยู่ในภาวะที่เรียกว่า “พังพินาศ” ทั้งจากส่วย เว็บพนัน การค้ายาเสพติด และระบบการแต่งตั้งที่มีการซื้อขายตำแหน่ง ซึ่งในมุมมองของเขา ผบ.ตร. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าไม่รับรู้เรื่องดังกล่าว เพราะข้อมูลและพฤติการณ์ต่าง ๆ ปรากฏชัดเจนในหลายช่องทาง ทั้งสื่อออนไลน์และรายการโทรทัศน์
เรียกร้องผบ.ตร. ใช้กฎหมายมาตรา 87 ดำเนินคดีผู้ร้องขอตำแหน่ง
บิ๊กโจ๊กระบุว่า หาก ผบ.ตร. ต้องการแสดงความบริสุทธิ์ใจ จำเป็นต้องดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติตำรวจ มาตรา 87 ซึ่งบัญญัติให้ผู้เสนอหรือเรียกร้องตำแหน่ง ไม่ว่าจะเป็น “ผู้ขอแต่งตั้ง” หรือ “ผู้ขอให้ไม่แต่งตั้ง” ถือว่าเป็นความผิดอาญา มีโทษจำคุก ดังนั้นผู้ที่ส่งไลน์หรือเจรจาเรื่องตำแหน่งต้องถูกดำเนินคดีทั้งหมด
เขาเสริมว่าแม้ตำรวจบางส่วนอาจไม่พอใจการตรวจสอบเข้มข้นของตน แต่ไม่มีใครโกรธเพราะตนไม่รับเงิน หรือมีพฤติการณ์เอาตำแหน่งไปขาย พร้อมยกตัวอย่างเหตุการณ์สมัยเป็นรอง ผบ.ตร. ที่ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองในจังหวัดหนึ่งเสนอเงินเดือนละหนึ่งล้านบาทแลกกับการไม่ลงพื้นที่ตรวจงาน แต่เขาปฏิเสธโดยยืนยันว่ามุ่งเน้นปราบปรามแก๊งต่างชาติและสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกน้อง
โต้ไตรรงค์ไม่เคยหวังผลคดีตัวเอง ชี้บัญชีม้าเป็นกฎหมายใหม่ต้องระวัง
ต่อกรณีที่ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ กล่าวหาว่าบิ๊กโจ๊กนำประเด็น “บัญชีม้า” มาโยงเพื่อหวังผลคดีส่วนตัว เขายืนยันว่านั่นไม่เป็นความจริง และบัญชีม้าเคยเป็นช่องทางเลี่ยงตรวจสอบที่ตำรวจหลายคนใช้ แต่เมื่อมีกฎหมาย พ.ร.บ.บัญชีม้า ถูกบังคับใช้แล้ว การใช้ชื่อบุคคลอื่นถือครองทรัพย์ผิดกฎหมายอย่างชัดเจน จึงจำเป็นต้องเตือนลูกน้องในองค์กรไม่ให้กระทำผิดซ้ำ
เขาระบุว่า พล.ต.ท.ไตรรงค์กำลังเบี่ยงประเด็นจากต้นเรื่อง ที่มาจากการตรวจสอบชุด PCT4 เกี่ยวกับการกลับคำให้การของพยานในคดีหนึ่ง พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าทำไมอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติบางรายไม่ถูกให้ออกจากราชการ ขณะที่ตนกลับถูกปลด แต่ไม่มีการดำเนินคดีกับตำรวจอีกกว่า 40 นายที่เกี่ยวข้อง
เตือนนายกฯ อนุทินเสี่ยงโดน ม.157 หากไม่สั่งให้ผบ.ตร. หยุดปฏิบัติหน้าที่
บิ๊กโจ๊กส่งสัญญาณแรงถึง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ว่าหากไม่สั่งให้ ผบ.ตร. หยุดปฏิบัติหน้าที่ หรือย้ายไปช่วยราชการเพื่อเปิดทางการตรวจสอบ อาจเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 เรื่องละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยยืนยันว่าไม่มีรอง ผบ.ตร. คนใดพร้อมออกมาปกป้อง ผบ.ตร. เพราะต่างก็กำลังรอโอกาสรักษาการแทนตามระบบแต่งตั้งในองค์กรตำรวจ
เขาทิ้งท้ายว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจและประชาชนต่างต้องการความโปร่งใส ไม่ใช่คำปฏิญาณหรือพิธีกรรมใด ๆ โดยระบุว่าการแก้ปัญหาอย่างจริงจังคือการให้ผู้บังคับบัญชาแสดงความรับผิดชอบและเปิดทางให้กระบวนการตรวจสอบทำงานอย่างเต็มที่


