AOT-TH เผยผลตรวจสอบเหตุทหารไทยเจ็บจากทุ่นระเบิดภูมะเขือ ยืนยันทุ่น PMN-2 ถูกฝังใหม่ในเขตไทย พบหลักฐานภาพและพิกัด GPS เชื่อมโยงทหารกัมพูชา ขัดคำชี้แจงฝ่ายกัมพูชาอย่างชัดเจน
คณะผู้สังเกตการณ์อาเซียนประจำประเทศไทย (AOT-TH) เปิดเผยผลตรวจสอบเหตุทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดบริเวณพื้นที่ภูมะเขือ จังหวัดศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 โดยยืนยันว่าทุ่นระเบิดแบบ PMN-2 ที่พบเป็นการฝังใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดเก่าตามที่กองทัพกัมพูชาชี้แจง ข้อมูลเชิงประจักษ์จากหลักฐานภาคสนาม ภาพถ่าย พิกัด GPS และอุปกรณ์ของฝ่ายกัมพูชาที่ตรวจยึดได้ ชี้ว่าทุ่นถูกฝังภายในเขตแดนของไทยทั้งหมด ทำให้ประเด็นความตึงเครียดในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชายังคงเป็นที่จับตาอย่างใกล้ชิด
ผลตรวจสอบยืนยันทุ่น PMN-2 ถูกฝังใหม่ในเหตุปะทะล่าสุด
กองบัญชาการกองทัพไทยเปิดเผยรายงานของคณะ AOT-TH ซึ่งลงพื้นที่ทันทีหลังเกิดเหตุ โดยผลประเมินสภาพหน้าดินและรูปแบบการฝังทุ่นชี้ว่า ทุ่นระเบิดแบบ PMN-2 ถูกวางในช่วงการปะทะล่าสุด ไม่ใช่ทุ่นเก่าคงค้าง จึงขัดแย้งกับคำอ้างของกัมพูชาที่ระบุว่าเป็นซากทุ่นยุคก่อนหน้าในพื้นที่ขัดแย้งเดิม
การตรวจสอบทุกครั้งในช่วงเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา พบรูปแบบการวางทุ่นที่เหมือนกันคือเป็นการฝังใหม่ทั้งหมด สร้างความกังวลต่อความปลอดภัยของกำลังพลไทยและประชาชนในพื้นที่เสี่ยง ซึ่งยังไม่สามารถเข้าดำเนินการเก็บกู้ได้ทันทีเนื่องจากความอันตรายสูง
หลักฐานภาคสนามและข้อมูล GPS ชี้ตำแหน่งทุ่นอยู่ในดินแดนไทย
รายงานระบุว่า คณะสังเกตการณ์อาเซียนร่วมกับหน่วยวิศวกรรมได้ตรวจสอบพิกัดตำแหน่งทุ่นด้วย GPS โทรศัพท์มือถือควบคู่กับแผนที่ภูมิประเทศอย่างเป็นระบบ โดยยืนยันว่าทุกตำแหน่งที่พบอยู่ในเขตแดนไทยทั้งหมด ไม่ปรากฏจุดใดเป็นพื้นที่นอกอาณาเขต
การยืนยันเชิงพื้นที่นี้ช่วยปิดข้อโต้แย้งเรื่องการวางทุ่นที่อาจหลุดเข้ามาในไทยจากการปะทะก่อนหน้า พร้อมทั้งเป็นหลักฐานสำคัญที่สนับสนุนท่าทีของฝ่ายไทยในเวทีหารือทวิภาคีกับกัมพูชา ซึ่งกำลังอยู่ในกระบวนการคลี่คลายความตึงเครียดบริเวณชายแดน
ตรวจโทรศัพท์ทหารกัมพูชาพร้อมภาพการฝังทุ่น PMN-2
ข้อมูลสำคัญที่สร้างน้ำหนักให้กับรายงานครั้งนี้คือการตรวจโทรศัพท์มือถือของทหารกัมพูชาซึ่งถูกทิ้งไว้ระหว่างการถอนกำลังจากพื้นที่ภูมะเขือ โดยหัวหน้าคณะ AOT-TH ได้ตรวจสอบเนื้อหาภายใน พบภาพถ่าย วิดีโอ และข้อมูลการลงทะเบียนซิมการ์ดที่เชื่อมโยงกับฝ่ายกัมพูชาชัดเจน
ภาพชุดดังกล่าวปรากฏการขุดหลุม วางทุ่น PMN-2 และกิจกรรมของกำลังพลกัมพูชาในพื้นที่ ซึ่งถือเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ชี้ว่าทุ่นระเบิดถูกจัดวางโดยฝ่ายกัมพูชาภายในเขตแดนไทย ไม่ใช่ทุ่นที่ตกค้างจากอดีตตามการชี้แจงก่อนหน้า
ไทยเดินหน้าใช้กลไกทวิภาคี ย้ำหลักสันติวิธีและความโปร่งใส
กองบัญชาการกองทัพไทย ระบุว่าผลสังเกตการณ์ทั้งหมดเกิดจากข้อมูลจริงภาคสนาม ภาพถ่าย ค่าวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ และกระบวนการตรวจสอบที่เป็นไปตามมาตรฐานของอาเซียน โดยไทยยังคงยึดหลักการเจรจาในทุกกลไกทวิภาคี ทั้ง GBC, JBC และชุดสังเกตการณ์ร่วม เพื่อคลี่คลายสถานการณ์อย่างรอบด้าน
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายไทยชี้ว่ามีหลายครั้งที่กัมพูชาให้ข้อมูลไม่ตรงกับข้อเท็จจริงบนเวทีหารือ ทำให้กระบวนการเจรจาเป็นไปอย่างยากลำบาก พร้อมย้ำว่าประเทศไทยจะเดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริงในทุกเวทีที่เกี่ยวข้อง เพื่อรักษาอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของชาติ
