GISTDA รายงานค่าฝุ่น PM 2.5 เช้าวันที่ 1 ธ.ค. 68 เกินมาตรฐานหลายพื้นที่ 5 จังหวัดติดระดับสีแดง ขณะที่กรุงเทพฯ พบถึง 48 เขตค่าฝุ่นสูง เริ่มกระทบสุขภาพ แนะประชาชนหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งและติดตามข้อมูลแบบเรียลไทม์
สถานการณ์ค่าฝุ่นเช้านี้กระทบสุขภาพหนักหลายพื้นที่
เช้าวันที่ 1 ธันวาคม 2568 สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (GISTDA) รายงานคุณภาพอากาศจากแอปพลิเคชัน “เช็คฝุ่น” พบค่าฝุ่น PM 2.5 เกินมาตรฐานในหลายจังหวัดทั่วประเทศ โดยมีอย่างน้อย 5 จังหวัดเข้าสู่ “ระดับสีแดง” ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจทันที ขณะที่อีก 41 จังหวัดอยู่ใน “ระดับสีส้ม” ที่เริ่มมีผลต่อสุขภาพ รวมถึงพื้นที่ กรุงเทพมหานคร ที่ตรวจพบค่าฝุ่นทะลุเกณฑ์ในหลายเขตตั้งแต่ช่วงเช้ามืด สะท้อนแนวโน้มหมอกควันสะสมตัวหนาแน่นต่อเนื่องในหลายพื้นที่ของประเทศ
ค่าฝุ่นทั่วประเทศเกินมาตรฐาน 5 จังหวัด พื้นที่สีส้มกว่า 40 จังหวัด
ข้อมูลล่าสุดของ GISTDA ระบุว่า ระดับค่าฝุ่น PM 2.5 ทั่วประเทศเมื่อเวลา 06.00 น. อยู่ในช่วงที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพ โดยพื้นที่สีแดงกระจายตัวในจังหวัดภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นจุดที่มีการสะสมของฝุ่นขนาดเล็กจากสภาพอากาศปิดและความกดอากาศสูงที่ก่อตัวตั้งแต่ช่วงสัปดาห์ก่อน
นอกจากนี้ จังหวัดอีกกว่า 40 แห่งอยู่ในระดับสีส้ม ทำให้คุณภาพอากาศเริ่มส่งผลกระทบต่อประชาชน โดยผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าความแปรปรวนของสภาพอากาศและกิจกรรมเชื้อเพลิงบนพื้นที่โล่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ฝุ่นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงต้นเดือนธันวาคมนี้
กทม.เช้านี้ 48 เขตค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน หลายจุดแตะระดับสีแดง
ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศของ กรุงเทพมหานคร รายงานเมื่อเวลา 07.00 น. ว่าค่าเฉลี่ย PM 2.5 ของทั้งเมืองอยู่ที่ 45 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร สูงกว่าค่ามาตรฐานที่ 37.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร โดยพบว่า 48 เขตเข้าสู่ระดับสีแดงและสีส้ม โดยเฉพาะพื้นที่ฝั่งธนบุรีและเขตชั้นกลางที่มีค่าฝุ่นเกินเกณฑ์ต่อเนื่องตั้งแต่ก่อนรุ่งเช้า
ในลำดับพื้นที่ที่มีค่าฝุ่นสูงสุด 12 อันดับ เขตที่ตรวจพบค่าฝุ่นมากที่สุดคือเขตบางรัก 55.3 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ตามด้วยเขตสาทร เขตลาดกระบัง และเขตหนองแขม ซึ่งเฉลี่ยแตะระดับที่เริ่มเป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ โดยนักวิชาการระบุว่าหากแนวโน้มลมสงบต่อเนื่อง คุณภาพอากาศในหลายจุดอาจทวีความรุนแรงภายใน 3 ชั่วโมงข้างหน้า
วิเคราะห์รายเขต: ค่าฝุ่นในพื้นที่กรุงเทพฯ สูงขึ้นทุกโซน
จากข้อมูลแยกพื้นที่กรุงเทพฯ พบว่าหลายโซนมีค่า PM 2.5 อยู่ในระดับเริ่มมีผลต่อสุขภาพ โดยโซนกรุงธนใต้และกรุงเทพตะวันออกมีค่าฝุ่นกระจายตัวสูงใกล้ระดับสีแดง ขณะที่กรุงเทพเหนือและกรุงธนเหนือยังคงอยู่ในระดับที่ต้องจับตา โดยผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อมมองว่า การผสมตัวของมวลอากาศเย็นกับความชื้นในช่วงเช้า ส่งผลให้ฝุ่นลอยตัวต่ำและกระจุกตัวในระดับพื้นดินมากขึ้นกว่าปกติ
แม้บางเขตมีค่าฝุ่นไม่สูงมากนัก แต่ภาพรวมของกรุงเทพฯ ยังอยู่ในระดับที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะพื้นที่ชุมชนหนาแน่นและเขตที่มีการจราจรคับคั่งในช่วงเวลาเร่งด่วน ซึ่งมักเป็นปัจจัยเสริมให้ค่าฝุ่นสูงขึ้นอย่างฉับพลัน
คำแนะนำด้านสุขภาพและการป้องกันสำหรับประชาชน
หน่วยงานสาธารณสุขแนะนำว่า ประชาชนทั่วไปควรสวมหน้ากากป้องกัน PM 2.5 ทุกครั้งเมื่อออกนอกอาคาร และลดกิจกรรมกลางแจ้งที่ต้องใช้แรงมากเพื่อลดผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะโรคปอด หอบหืด ผู้สูงอายุ และเด็กเล็ก ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่อภาวะกำเริบจากมลพิษทางอากาศ
ในกรณีที่มีอาการไอ เจ็บคอ หรือหายใจติดขัด ควรรีบเข้ารับการตรวจจากแพทย์ทันที พร้อมติดตามข้อมูลคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์จากแอปพลิเคชันของหน่วยงานรัฐเพื่อวางแผนการใช้ชีวิตประจำวันให้เหมาะสมกับสถานการณ์ฝุ่นในพื้นที่ตนเอง
