ปปง.–รัฐบาลแถลงผลปฏิบัติการ ถอนรากสแกมเมอร์ เครือข่ายยิม เลียก–เบน สมิธ มูลค่ากว่าหมื่นล้าน

การปฏิบัติการครั้งใหญ่เพื่อสกัดอาชญากรรมออนไลน์ข้ามชาติถูกเปิดเผยเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2568 เมื่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ร่วมกับหน่วยงานด้านความมั่นคงและรัฐบาล แถลงผลการยึด–อายัดทรัพย์สินเครือข่ายสแกมเมอร์ของ ยิม เลียก และกลุ่มที่เชื่อมโยงกับ เบน สมิธ รวมมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท ภายหลังสืบสวนพบเส้นทางการเงินโยงใยหลายประเทศและดำเนินการผ่านบัญชีม้าเป็นทอด ๆ ส่งผลให้รัฐบาลประกาศเดินหน้าปราบปรามเต็มกำลังเพื่อคุ้มครองประชาชนและเสริมสร้างความเชื่อมั่นด้านความมั่นคงไซเบอร์

ปฏิบัติการสืบสวนลากเครือข่ายข้ามชาติเผยความเสียหายมหาศาล

พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก. เปิดเผยว่า จุดเริ่มต้นของการสืบสวนมาจากการรับแจ้งความออนไลน์จำนวนมากตั้งแต่ปี 2564 โดยผู้เสียหายกว่า 700 รายถูกหลอกลวงในหลายรูปแบบ เช่น ซื้อขายสินค้าออนไลน์ การทำงานปลอม เว็บพนันผิดกฎหมาย แอปปล่อยกู้เถื่อน รวมถึงการปลอมบัญชีชำระเงิน โดยข้อมูลธุรกรรมถูกตรวจสอบย้อนกลับจนพบปลายทางโอนเข้าบัญชีที่เกี่ยวโยงกับ ยิม เลียก ทำให้สามารถประเมินมูลค่าความเสียหายเบื้องต้นกว่า 3,000 ล้านบาท

จากการสืบสวนเชิงลึก เจ้าหน้าที่สามารถออกหมายจับผู้ต้องหา 42 ราย พร้อมจับกุมได้แล้ว 29 ราย เหลือผู้ต้องหาอีก 13 รายที่อยู่ระหว่างติดตามตัว โดย 3 รายอยู่ต่างประเทศ รวมทั้งยิม เลียกและภรรยา ส่วนหนึ่งของการปฏิบัติการเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2568 เจ้าหน้าที่สามารถยึดทรัพย์ได้กว่า 10,157 ล้านบาท ทั้งรถหรู เรือยอชต์ เงินสด และทรัพย์สินอื่นที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินของเครือข่าย

ปปง. เปิดเส้นทางฟอกเงินผ่านบริษัทบังหน้าและบัญชีม้า

นายเทพสุ บวรโชติดารา รองเลขาธิการ ปปง. ระบุว่า ปฏิบัติการครั้งนี้เกิดจากการตรวจพบธุรกรรมผิดปกติในบัญชีของ “นางสาวแตงไทยฯ” ซึ่งทำหน้าที่เป็นบัญชีม้าให้เครือข่ายสแกมเมอร์ โดยพบว่าในช่วงปี 2560–2565 มีการหมุนเวียนเงินต้องสงสัยมากกว่า 15,000 ล้านบาทที่เชื่อมโยงกับกลุ่มของยิม เลียก ภรรยา และเครือข่ายของเบน สมิธ สะท้อนรูปแบบการฟอกเงินที่ซับซ้อนผ่านหลายบัญชีและหลายชั้นธุรกรรม

จากข้อมูลเชิงสืบสวน ปปง. พบว่ากลุ่มเครือข่ายตั้งบริษัทบังหน้าเพื่อรับเงินผิดกฎหมายจากสแกมเมอร์ต่าง ๆ ก่อนแปลงเป็นสินทรัพย์ในรูปแบบหุ้น เงินฝาก รถยนต์ และเรือยอชต์ การยึดอายัดครั้งนี้จึงเป็นการทำลายฐานรายได้สำคัญขององค์กรอาชญากรรม ทั้งยังเชื่อมโยงถึงเครือข่าย “ก๊ก อาน” ที่มีฐานปฏิบัติการในกัมพูชาและเกี่ยวพันกับการค้ามนุษย์และฟอกเงินผ่านสกุลดิจิทัล

ตำรวจเร่งล่า 13 ผู้ต้องหาที่ยังหลบหนี ย้ำอย่าตกเป็นเหยื่อผลประโยชน์เล็กน้อย

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ระบุว่า ตำรวจได้เร่งติดตามผู้ต้องหาที่เหลือทั้ง 13 รายอย่างต่อเนื่อง โดยยืนยันว่าปฏิบัติการครั้งนี้เป็นไปตามนโยบายด้านความมั่นคงทางดิจิทัลของรัฐบาล พร้อมเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อคำชักชวนให้เปิดบัญชีม้าหรือรับผลประโยชน์เล็กน้อย เพราะอาจเกี่ยวพันกับอาชญากรรมไซเบอร์ขนาดใหญ่โดยไม่รู้ตัว

เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า การสืบสวนเครือข่ายสแกมเมอร์ข้ามชาติเป็นงานที่ต้องอาศัยข้อมูลจำนวนมาก ประสานงานระหว่างหลายหน่วยงาน และตรวจสอบธุรกรรมที่มีความซับซ้อนสูง การจับกุมและยึดทรัพย์ครั้งนี้จึงเป็นหมุดหมายสำคัญในการตัดเส้นทางการเงินขององค์กรอาชญากรรม

นายกฯ ชื่นชมปฏิบัติการ ย้ำรัฐไม่ละเว้นผู้กระทำผิด

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์และฟอกเงินข้ามชาติ พร้อมชื่นชมการทำงานร่วมกันของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปปง. กระทรวงยุติธรรม และกระทรวงดีอี ที่ทำให้ปฏิบัติการครั้งนี้สำเร็จและสามารถยึดทรัพย์ได้จำนวนมหาศาล

นายกรัฐมนตรีระบุว่า รัฐบาลจะไม่ละเว้นผู้เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมไซเบอร์ทุกรูปแบบ และสนับสนุนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้พี่น้องประชาชนว่าสามารถพึ่งพารัฐในด้านความปลอดภัยออนไลน์ได้อย่างแท้จริง

วิกฤติภาวะผู้นำกู้แต้มลำบาก