สถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาปะทุรุนแรงอีกครั้งในช่วงเช้ามืดวันนี้ หลังมีรายงานว่า กองกำลังทหารกัมพูชาเปิดฉากยิงใส่ฝ่ายไทย 2 จุด ในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีและศรีสะเกษ เมื่อเวลาประมาณ 05.30 น. ขณะที่ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษก กองทัพบก ระบุว่า ไทยจำเป็นต้องตอบโต้ตามความจำเป็น หลังพบว่ากัมพูชาใช้พื้นที่โบราณสถานเป็นฐานปฏิบัติการทางทหาร ซึ่งเข้าข่ายสูญเสียความคุ้มครองตามอนุสัญญากรุงเฮก ค.ศ.1954 พร้อมย้ำไทยยึดหลักกติกาสากลอย่างเคร่งครัด
กัมพูชาเปิดฉากโจมตี 2 จุด ชายแดนไทยภาคอีสาน
รายงานจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า เมื่อเวลา 05.30 น. ทหารกัมพูชาได้ยิงปะทะกับทหารไทยในสองพื้นที่ ได้แก่ เนิน 500 ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี และแนวชายแดนฝั่งบ้านโกมุย ทางทิศใต้ภูมะเขือ จังหวัดศรีสะเกษ สถานการณ์เริ่มขึ้นอย่างฉับพลันและต่อเนื่อง โดยยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากทั้งสองฝ่ายในเบื้องต้น
พื้นที่ดังกล่าวถือเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญตามแนวชายแดน ที่เคยเกิดความตึงเครียดเป็นระยะในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้การปะทะครั้งนี้ได้รับความสนใจจากทั้งประชาชนในพื้นที่และฝ่ายความมั่นคง เนื่องจากอาจเป็นสัญญาณของการขยายวงความขัดแย้งที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด
ทบ.ชี้กัมพูชานำโบราณสถานใช้เป็นฐานทหาร สูญเสียความคุ้มครองชั่วคราว
ด้าน พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก อธิบายถึงกรณีที่กระทรวงวัฒนธรรมและวิจิตรศิลป์กัมพูชาออกแถลงการณ์กล่าวหาว่าไทยโจมตีบริเวณปราสาทตาควายและสร้างความเสียหายแก่ปราสาทพระวิหาร โดยยืนยันว่าไทยยึดมั่นในอนุสัญญากรุงเฮก ค.ศ.1954 ซึ่งกำหนดให้โบราณสถานได้รับการคุ้มครอง ห้ามโจมตีหรือใช้เพื่อการทางทหาร
อย่างไรก็ตาม อนุสัญญาฯ ยังระบุข้อยกเว้นว่า หากโบราณสถานถูกใช้เป็นจุดซุ่มยิง ฐานที่มั่น หรือคลังอาวุธเพื่อการโจมตี พื้นที่ดังกล่าวจะสูญเสียความคุ้มครองชั่วคราวในทางกฎหมาย ทำให้การปฏิบัติการตอบโต้ของฝ่ายที่ถูกคุกคามเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อความปลอดภัยของกำลังพลและประชาชน
หลักฐานชี้กัมพูชาใช้ปราสาทตาควาย–พระวิหารเป็นฐานยิงโจมตี
โฆษกกองทัพบกระบุว่า มีภาพหลักฐานที่เผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าฝ่ายกัมพูชานำพื้นที่ปราสาทตาควายและปราสาทพระวิหารมาใช้ตั้งระบบตรวจการณ์ คลังเก็บกระสุน ทุ่นระเบิด และอาวุธยิงหลากหลายประเภทเพื่อนำมาใช้โจมตีไทย การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมและหลักกติกาสากลอย่างชัดเจน
ไทยจึงจำเป็นต้องใช้สิทธิ์ป้องกันตนเองตามความเหมาะสมและสัดส่วน โดยอยู่บนพื้นฐานของความจำเป็นภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศ ทั้งนี้กองทัพบกยืนยันว่าทุกการปฏิบัติการของไทยเป็นไปเพื่อลดภัยคุกคามและปกป้องอธิปไตยของประเทศ โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ


