ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชาปะทุขึ้นอีกครั้ง จนทำให้ สมเด็จพระสันตะปาปาเลโอที่ 14 ตรัสเรียกร้องให้ทั้งสองประเทศหยุดยิงโดยทันที หลังได้รับรายงานถึงความสูญเสียของทั้งทหารและพลเรือน รวมถึงการอพยพของประชาชนหลายพันคน เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นต่อเนื่องในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา บริเวณพื้นที่พิพาททางวัฒนธรรม ซึ่งเป็นจุดปะทะซ้ำซากของทั้งสองฝ่าย พระองค์ทรงขอให้รัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชาหันกลับมาใช้สันติวิธีและการเจรจาทางการทูตเพื่อยุติความรุนแรงที่ยืดเยื้อ
พระสันตะปาปาทรงแสดงความเสียพระทัยต่อสถานการณ์ชายแดน
สำนักข่าววาติกันรายงานเมื่อวันที่ 10 ธันวาคมว่า สมเด็จพระสันตะปาปาเลโอที่ 14 ทรงกล่าวต่อผู้ศรัทธาระหว่างการเข้าเฝ้าทั่วไป โดยทรงแสดงความเสียพระทัยต่อเหตุปะทะชายแดนไทย–กัมพูชาที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง พระองค์ตรัสว่าข่าวการเสียชีวิตของผู้คน ทั้งทหารและพลเรือน รวมถึงการอพยพครั้งใหญ่ เป็นสิ่งที่สร้างความกังวลเป็นอย่างยิ่งต่อสันติภาพในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
พระสันตะปาปาทรงเน้นว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นไม่เพียงทำลายชีวิตผู้บริสุทธิ์ แต่ยังส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของชุมชนชายแดน ซึ่งต้องเผชิญกับความหวาดกลัวและความไม่มั่นคงจากเหตุปะทะที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทรงขอให้ทุกฝ่ายยุติการใช้กำลังโดยทันที เพื่อเปิดทางให้การทูตทำงานได้อย่างเต็มที่
ข้อพิพาทชายแดนยืดเยื้อหลายทศวรรษ จุดชนวนปะทะซ้ำ
สถานการณ์ปะทะบริเวณพื้นที่พิพาท โดยเฉพาะรอบโบราณสถานสำคัญอย่างปราสาทพระวิหารและปราสาทตาควาย เป็นประเด็นที่สร้างความตึงเครียดระหว่างทั้งสองประเทศมาเป็นเวลานาน แต่ละฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์เหนือพื้นที่โดยอาศัยหลักฐานทางกฎหมายและประวัติศาสตร์ที่แตกต่างกัน ทำให้การแก้ไขความขัดแย้งเป็นไปอย่างยากลำบาก
แม้ในอดีตจะมีความพยายามไกล่เกลี่ยโดยองค์กรระหว่างประเทศและอาเซียน แต่ความเปราะบางของการหยุดยิงทำให้ความรุนแรงกลับมาปะทุเป็นระยะ สร้างภาระหนักให้แก่ประชาชนในพื้นที่ ซึ่งต้องอพยพออกจากบ้านเรือนหลายครั้ง ขณะที่ชุมชนท้องถิ่นยังคงเผชิญกับผลกระทบด้านเศรษฐกิจและความมั่นคงอย่างต่อเนื่อง
วาติกันเรียกร้องให้ทั้งสองประเทศหันกลับมาใช้สันติวิธี
ในถ้อยแถลงดังกล่าว พระสันตะปาปาทรงขอให้รัฐบาลทั้งสองฝ่ายกลับมาใช้หลักสันติวิธี และเปิดโต๊ะเจรจาเพื่อหาทางออกที่ยั่งยืนต่อข้อพิพาทชายแดนที่ยืดเยื้อ พระองค์ทรงเน้นว่าการเจรจาเป็นวิธีเดียวที่จะหยุดความสูญเสียในอนาคต และฟื้นฟูความไว้วางใจของผู้คนทั้งสองประเทศ
วาติกันยังฝากข้อความสนับสนุนต่อองค์กรระหว่างประเทศที่พยายามเข้ามามีบทบาทในการไกล่เกลี่ยความขัดแย้ง พร้อมเรียกร้องให้ประชาคมโลกหันมาสนใจความตึงเครียดนี้มากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์ลุกลามไปสู่ความรุนแรงในระดับที่ควบคุมยาก
