ชมรม STRONG ต้านทุจริตประเทศไทย เปิดเผยเอกสารที่ขึ้นทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายสหรัฐอเมริกา ชี้ว่ารัฐบาลกัมพูชาได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาสัญชาติอเมริกัน เพื่อดำเนินการสงครามข้อมูลข่าวสารและล็อบบี้ในเวทีนานาชาติ โดยมีเป้าหมายกล่าวหาและกดดันประเทศไทยในประเด็นข้อพิพาทชายแดน เอกสารดังกล่าวถูกเปิดเผยเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2568 และปรากฏบนเว็บไซต์ภายใต้กฎหมาย Foreign Agents Registration Act (FARA) ของสหรัฐฯ ซึ่งสะท้อนให้เห็นกระบวนการสื่อสารเชิงยุทธศาสตร์ของรัฐ ผ่านกลไกกฎหมายและสถาบันระดับโลก
เปิดเอกสาร FARA ชี้ชัดการว่าจ้างอย่างเป็นทางการ
เพจ ชมรม STRONG ต้านทุจริตประเทศไทย ระบุว่า เอกสารที่นำมาเปิดเผยครั้งนี้เป็นเอกสารการขึ้นทะเบียนตัวแทนต่างชาติอย่างเป็นทางการตามกฎหมาย FARA ของสหรัฐอเมริกา ไม่ใช่ข้อมูลจากปัญญาประดิษฐ์หรือเอกสารปลอมแต่อย่างใด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงความโปร่งใสว่าใครเป็นผู้ดำเนินการสื่อสารและล็อบบี้ในนามของรัฐใด
เอกสารดังกล่าวปรากฏบนเว็บไซต์ efile.fara.gov ซึ่งเป็นฐานข้อมูลสาธารณะของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ชี้ให้เห็นว่าการเคลื่อนไหวทั้งหมดเป็นการดำเนินการของบริษัทเอกชนในฐานะตัวแทนรัฐบาลต่างชาติ ไม่ได้สะท้อนหรือรับรองท่าทีของรัฐบาลสหรัฐฯ ต่อกรณีพิพาทไทย–กัมพูชา

บริษัทอเมริกันในบทบาทตัวแทนรัฐบาลกัมพูชา
ตามเอกสารระบุว่า National Consulting Services, Inc. ได้ยื่นเอกสารประชาสัมพันธ์ต่อกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ในฐานะตัวแทนอย่างเป็นทางการของรัฐบาลกัมพูชาในสหรัฐอเมริกา โดยมีสัญญาว่าจ้างเป็นลายลักษณ์อักษร ลงนามเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2568
สัญญาดังกล่าวลงนามโดย ดอน เบนตัน ผู้บริหารบริษัท และ กอย กวง เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหรัฐอเมริกา พร้อมขึ้นทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย FARA ซึ่งกำหนดให้ต้องเปิดเผยรายละเอียดกิจกรรมด้านการสื่อสาร การประชาสัมพันธ์ และการล็อบบี้ทั้งหมดต่อรัฐบาลสหรัฐฯ

เนื้อหาสื่อสารถึงผู้นำโลกและเวทีระหว่างประเทศ
เอกสารที่ยื่นต่อทางการสหรัฐฯ ระบุถึงการสื่อสารของรัฐบาลกัมพูชาต่อผู้นำระดับนานาชาติ โดยอ้างว่านายกรัฐมนตรีกัมพูชาได้ส่งหนังสือถึงผู้นำประเทศมหาอำนาจและองค์กรระหว่างประเทศ เช่น ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ผู้นำจีน ผู้นำยุโรป และเลขาธิการสหประชาชาติ
การสื่อสารดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อขอการสนับสนุนจุดยืนของกัมพูชาในประเด็นข้อพิพาท โดยถูกนำเสนอผ่านเอกสารในลักษณะเป็นทางการ ซึ่งชมรม STRONG ชี้ว่าเป็นการสื่อสารเชิงยุทธศาสตร์เพื่อสร้างการรับรู้ในระดับนานาชาติ

กล่าวหาไทยใช้กำลังฝ่ายเดียว
ประเด็นสำคัญอีกส่วนหนึ่งของเอกสาร คือการกล่าวหาไทยในเวทีระหว่างประเทศ โดยอ้างว่าไทยใช้กำลังฝ่ายเดียว ขยายแนวรั้วลวดหนาม ขับไล่พลเรือนกัมพูชา และละเมิดบันทึกความเข้าใจปี 2000 รวมถึงกฎหมายระหว่างประเทศ
ชมรม STRONG เน้นย้ำว่า ข้อความทั้งหมดเป็นเพียงคำกล่าวอ้างฝ่ายเดียวของรัฐบาลกัมพูชา ไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่ได้รับการรับรองจากรัฐบาลสหรัฐฯ แต่ถูกจัดทำและเผยแพร่ในรูปแบบเอกสารทางการ ซึ่งอาจสร้างความเข้าใจคลาดเคลื่อนต่อประชาคมโลก

ใช้กฎหมายและประวัติศาสตร์กดดันเชิงสัญลักษณ์
เอกสารยังอ้างถึงสนธิสัญญาปี ค.ศ. 1904 และ 1907 คำวินิจฉัยของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ รวมถึง MOU ปี 2000 เพื่อสร้างภาพว่ากัมพูชาเป็นฝ่ายถูกกระทำ ขณะที่ประเทศไทยเป็นฝ่ายละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ
การหยิบยกกรอบกฎหมายและประวัติศาสตร์มาใช้ในลักษณะนี้ ถูกมองว่าเป็นกลยุทธ์สงครามข้อมูลข่าวสารที่มุ่งสร้างความชอบธรรมทางศีลธรรมและกฎหมายในสายตานานาชาติ มากกว่าการนำเสนอข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน
เอกสารแนบภาพเหตุปะทะ รายงานต่อสหรัฐฯ ตามกฎหมาย
นอกจากนี้ ยังพบเอกสารแนบภาพถ่ายประชาชนที่ได้รับบาดเจ็บจากกระสุนยางในเหตุปะทะพื้นที่บ้านหนองจานเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งถูกส่งต่อไปยังรัฐบาลสหรัฐฯ พร้อมระบุชัดว่าเอกสารทั้งหมดจัดทำและเผยแพร่โดย National Consulting Services, Inc. ในนามรัฐบาลกัมพูชา
กิจกรรมดังกล่าวต้องถูกรายงานต่อกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่องตามข้อกำหนดของกฎหมาย FARA ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการติดตามการแทรกแซงทางข้อมูลจากต่างชาติ
เตือนผลกระทบระยะยาวต่อภาพลักษณ์ไทย
ชมรม STRONG ต้านทุจริตประเทศไทย ระบุว่า กรณีนี้สะท้อนภาพของ “สงครามข่าวสารเต็มรูปแบบ” โดยอันตรายไม่ได้อยู่ที่เอกสารเป็นของปลอมหรือไม่ แต่อยู่ที่การนำเสนอข้อมูลฝ่ายเดียวในนามรัฐ ผ่านระบบกฎหมายและเวทีของมหาอำนาจ
การสื่อสารในลักษณะดังกล่าวอาจส่งผลต่อความเข้าใจของประชาคมโลก และบ่อนทำลายความชอบธรรมของประเทศไทยในระยะยาว หากไม่มีการชี้แจงหรือสื่อสารข้อเท็จจริงอย่างเป็นระบบในระดับนานาชาติ ผู้สนใจสามารถติดตามข้อมูลและเอกสารต้นทางเพิ่มเติมได้ผ่านช่องทางของชมรม STRONG และฐานข้อมูล FARA ของสหรัฐอเมริกา


