นครศรีธรรมราช ดินแดนที่มิใช่เพียงเมืองโบราณเก่าแก่ธรรมดา แต่เป็นอาณาจักรที่มีความผูกพันกับสถาบันพระมหากษัตริย์มาอย่างยาวนาน ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านสุขผ่านทุกข์ ผ่านการเปลี่ยนแปลงมากมาย แต่ยังคงรักษาแก่นแท้แห่งวัฒนธรรมและจิตวิญญาณของความเป็นเมืองพุทธศาสนาเอาไว้ได้อย่างงดงาม

ตำนานพระเจ้าตาก: ความผูกพันที่มากกว่าประวัติศาสตร์
เรื่องราวของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชกับเมืองนครศรีธรรมราช เป็นมากกว่าบันทึกทางประวัติศาสตร์ แต่เป็นตำนานที่หล่อหลอมจิตวิญญาณของผู้คนในแผ่นดินนี้มา
หลายชั่วอายุคน เมื่อครั้งเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง พ.ศ. 2310 ในยามที่บ้านเมืองอยู่ในความโกลาหล เจ้านครหนู ผู้ปกครองนครศรีธรรมราชในขณะนั้น ได้แยกตัวเป็นอิสระ อย่างไรก็ตาม ในเหตุการณ์นี้ พระเจ้าตากสินทรงทราบถึงเจตนาอันบริสุทธิ์ในการรักษาบ้านเมือง ทรงมีพระเมตตาต่อเจ้านครหนู แทนที่จะลงพระอาญา กลับทรงนำตัวไปช่วยราชการที่กรุงธนบุรี เพื่อรักษาบ้านเมืองให้พ้นจากความวุ่นวาย
ระหว่างที่ประทับอยู่ที่เมืองนครเป็นเวลาสามเดือน พระองค์ได้ทรงบูรณปฏิสังขรณ์วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร และทรงสร้าง “ทางเดินพระเจ้าตาก” ใต้วิหารทับเกษตร อันเป็นทางจงกรมสำหรับปฏิบัติธรรม สะท้อนให้เห็นถึงพระราชศรัทธาอันแรงกล้าที่มีต่อพระพุทธศาสนา ความผูกพันระหว่างพระองค์กับเมืองนครศรีธรรมราชยิ่งแน่นแฟ้นขึ้น เมื่อเจ้านครหนูได้ถวายธิดาทั้งสอง คือหม่อมนิ่มและหม่อมปราง เป็นบาทบริจาริกา โดยหม่อมปรางได้ประสูติพระโอรสที่ต่อมาได้เป็นเจ้าพระยานคร (น้อย) ผู้สืบทอดการปกครองเมืองนครศรีธรรมราชในเวลาต่อมา

ในความทรงจำของชาวนครศรีธรรมราช มีตำนานที่เล่าขานกันมาถึงช่วงสุดท้ายแห่งพระชนม์ชีพของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ที่แตกต่างไปจากบันทึกในพงศาวดาร เรื่องเล่าที่สืบทอดกันมาผ่านคำบอกเล่าของบรรพชนกล่าวว่า หลังจากสิ้นรัชกาลในปี พ.ศ. 2324 พระองค์มิได้สิ้นพระชนม์ดังที่ปรากฏในประวัติศาสตร์ราชการ แต่ได้เสด็จมาผนวชและปฏิบัติธรรม ณ วัดถ้ำเขาขุนพนม ร่องรอยที่สนับสนุนตำนานนี้ยังคงปรากฏให้เห็นจนถึงปัจจุบัน ณ วัดถ้ำเขาขุนพนม มีการค้นพบรอยพระพุทธบาทจำลองและเครื่องลายครามโบราณจากห้องเครื่อง ซึ่งมีลักษณะเฉพาะที่บ่งบอกถึงความเป็นของหลวง นอกจากนี้ ที่วัดประดู่ยังมี “เก๋งพระเจ้าตาก” สถาปัตยกรรมที่มีการตกแต่งอย่างวิจิตรตามแบบฉบับของกษัตริย์ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นที่บรรจุพระอัฐิของพระเจ้าตากสินมหาราช และเจ้านครน้อย
ตำนานเล่าว่า ในช่วงบั้นปลายพระชนม์ชีพ พระองค์ทรงเลือกที่จะใช้ชีวิตในร่มกาสาวพัสตร์ ณ ดินแดนที่เคยมีความผูกพัน ทรงปฏิบัติธรรมและสั่งสอนธรรมะแก่ผู้คนในพื้นที่ห่างไกล แม้จะไม่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ยืนยันชัดเจน แต่เรื่องเล่านี้ก็สะท้อนให้เห็นถึงความผูกพันอันลึกซึ้งระหว่างพระองค์กับแผ่นดินนครศรีธรรมราช จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของตำนานท้องถิ่นที่ยังคงเล่าขานสืบต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้
รัชกาลที่ 5: ยุคแห่งการปฏิรูปสู่ความทันสมัย
ต่อมาในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว นครศรีธรรมราชได้ก้าวเข้าสู่ยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ การเสด็จประพาสของพระองค์ ไม่เพียงแต่สร้างความปลาบปลื้มให้แก่ชาวเมือง แต่ยังนำมาซึ่งการพัฒนาและความเจริญในหลากหลายมิติ โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ และการค้า พระองค์ทรงให้ความสำคัญกับการพัฒนาการคมนาคม และการค้าในพื้นที่ การเสด็จมาทรงเปิดโรงสีไฟหลวงแห่งแรกของภาคใต้ที่ปากพนัง เป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการพัฒนาอุตสาหกรรมในท้องถิ่น ส่งผลให้เมืองปากพนังเติบโตขึ้นเป็นศูนย์กลางการค้าข้าวที่สำคัญของภาคใต้ มีการส่งออกข้าวไปยังสิงคโปร์และมาเลเซีย สร้างความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจให้แก่พื้นที่ และส่งผลให้เกิดการพัฒนาระบบการขนส่งทั้งทางบกและทางน้ำตามมา เพื่อรองรับการเติบโตทางการค้าที่เพิ่มขึ้น โดย ปล่องโรงสีไฟ ได้กลายมาเป็นสัญญลักษณ์ของลุ่มน้ำปากพนัง ที่ยังคงสามารถพบเห็นได้ในปัจจุบัน

ข้อมูล/ภาพ : พีพีทีวี