เครือข่ายประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของปลาหมอคางดำจาก 19 จังหวัด ได้รวมตัวกันเพื่อเรียกร้องให้ CPF และรัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหานี้ พวกเขาต่างสิ้นหวังกับหายนะที่เกิดขึ้นต่อระบบนิเวศ โดยมองว่านี่คือ
หายนะต่อระบบนิเวศครั้งเลวร้ายที่สุด ในประวัติศาสตร์ด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย
สิ่งที่พวกเขาสูญเสียไป ไม่ใช่เพียงแค่ ความหลากหลายทางชีวภาพ แต่ยังหมายถึง ความมั่นคงทางอาหาร และ เศรษฐกิจ อีกด้วย
เสียงสะท้อนของความสูญเสีย ดังขึ้นจากปากของชาวประมงพื้นบ้าน ตัวแทนจากสมุทรสงครามเล่าว่า แหล่งน้ำที่เคยอุดมสมบูรณ์ ตอนนี้ “ความหลากหลายทางชีวภาพไม่มีแล้ว เหลือแต่ปลาหมอคางดำ” เขาตั้งคำถามอย่างน่าเศร้าว่า “อนาคตไทยจะมีแค่ปลาชนิดนี้ให้กินเท่านั้น แล้วเราจะเหลืออะไร ความมั่งคงทางอาหารก็ไม่มี”
ตัวแทนจากนครศรีธรรมราชเล่าถึง ทะเลสาบสงขลา ที่เคยเป็น “อู่ข้าวอู่น้ำ” บัดนี้ “ปลาหมอคางดำได้แพร่ระบาดไปเต็มพื้นที่หมดแล้ว”
เกษตรกรผู้ทำธนาคารปูม้าจากจันทบุรี กำลังสิ้นหวังเพราะ “ไม่สามารถเพาะพันธุ์ปูม้าเพื่อปล่อยสู่ทะเลได้แล้ว เพราะปล่อยไปปลาหมอคางดำกินหมด” ผู้รับผิดชอบไปไหน ตอนนี้ประมงพื้นบ้านได้รับความเดือนร้อนมาก”
เครือข่ายประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของปลาหมอคางดำ ได้ยื่นข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ต่อ CPF
1.เคารพกฎหมายความปลอดภัยทางชีวภาพอย่างเคร่งครัด ในการนำเข้าสิ่งมีชีวิตต่างถิ่น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการระบาดซ้ำรอยอีก
2.แบ่งปันผลกำไรมหาศาลคืนสู่สังคม เพื่อแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ
3.เปลี่ยนท่าทีในการมีปฏิสัมพันธ์กับสังคม โดยเน้นการสื่อสารเชิงบวก แทนการฟ้องร้องประชาชนที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์
ตัวแทนจากฝ่ายบริหารเครือซีพี ได้ออกมารับหนังสือเรียกร้องจากเครือข่ายประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากปลาหมอคางดำ โดยกล่าวว่า “วันนี้ได้รับหนังสือจากทุกท่าน หลังจากนี้จะนำเรียนผู้ใหญ่พิจารณาต่อไป หากบริษัทพิจารณาแล้วมีความเห็นประการใด จะแจ้งให้กับพี่น้องให้ทราบต่อไป”
อย่างไรก็ตาม ตัวแทนเครือข่ายฯ รู้สึกไม่พอใจกับคำตอบของตัวแทนซีพี โดยแสดงความเห็นว่า “ปัญหาใหญ่ แต่การตอบชี้แจงน้อยมาก” และได้เรียกร้องให้ซีพีให้คำตอบภายใน 15 วัน หากไม่มีความคืบหน้า เครือข่ายฯ จะมีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ต่อไป

ข้อมูล/ภาพ : thainews.prd