เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2567 น.ส.รักชนก ศรีนอก สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) กทม. พรรคประชาชน ได้เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กเกี่ยวกับงบประมาณการทำฟันที่ผู้ประกันตนได้รับเพียง 900 บาทต่อปี โดยเธอระบุว่าเป็นปัญหาที่สะท้อนความไม่เป็นธรรมในระบบประกันสังคม ซึ่งผู้ประกันตนหลายคนรู้สึกไม่แฟร์แต่ต้องทนเพราะไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรถึงจะได้สิทธิเพิ่ม

ประเด็นที่น่าสนใจ
น.ส.รักชนก กล่าวถึงมาตรา 54 วรรค 1 ของพระราชบัญญัติประกันสังคม ที่ระบุให้ผู้ประกันตนมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีเจ็บป่วย ซึ่งรวมถึงโรคในช่องปาก แต่ในความเป็นจริง การรักษาในด้านนี้กลับถูกจำกัดอยู่ที่ 900 บาทเท่านั้น นอกจากนี้เมื่อเปรียบเทียบกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) หรือบัตรทอง จะเห็นว่ากองทุนของ สปสช. มีการระบุรายการรักษาที่ชัดเจนและมีราคากลาง ทำให้การคิดเงินเป็นไปอย่างโปร่งใส
ความเห็นจากคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2567 คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้ชี้ว่า การจำกัดวงเงินค่าบริการทันตกรรมเช่นนี้เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ซึ่งมีการเรียกร้องให้เร่งแก้ไขเพื่อให้สิทธิผู้ประกันตนเท่าเทียมกับบัตรทอง โดยบอร์ดแพทย์ที่กำหนดสิทธินี้มีการแต่งตั้งโดยรัฐมนตรี ซึ่งกำลังจะหมดวาระในสิ้นเดือนนี้
ข้อสังเกตสำคัญ
น.ส.รักชนก ตั้งข้อสังเกต 3 ประเด็นที่ทำให้สิทธิการรักษาฟันไม่เพิ่มขึ้น ได้แก่:
- การเพิ่มสิทธิรักษาฟันจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นประมาณหลักพันล้านบาท แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นภาระของกองทุนประกันสังคมทั้งหมด
- กองทุนประกันสังคมไม่ได้เป็นผู้จ่ายทั้งหมด เนื่องจากการรักษาพยาบาลมีการคิดราคาแบบเหมาเป็นรายหัว
- หากปรับเพิ่มเพดานค่ารักษาแต่ไม่กำหนดเพดานราคา จะส่งผลให้คลินิกปรับราคาตามเพดานสิทธิ ทำให้ผู้ประกันตนไม่ได้รับบริการที่เพิ่มขึ้น
ข้อเสนอการแก้ไข
น.ส.รักชนก ยังเสนอวิธีแก้ปัญหาเป็นสองทาง ได้แก่:
- การแก้เล็ก: บอร์ดแพทย์ชุดปัจจุบันควรออกประกาศปลดล็อกการรักษาโรคในช่องปาก พร้อมกำหนดเพดานราคาค่ารักษาเพื่อป้องกันไม่ให้เอกชนขึ้นราคา
- การแก้ใหญ่: ยกร่างแก้พระราชบัญญัติประกันสังคม เพื่อให้สิทธิการรักษาไม่ด้อยไปกว่าบัตรทอง สร้างความเท่าเทียมในสิทธิประโยชน์ด้านสุขภาพสำหรับประชาชนทุกคน
น.ส.รักชนก สรุปว่า การปรับปรุงระบบประกันสังคมเป็นสิ่งที่จำเป็น เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงการรักษาที่มีคุณภาพและเป็นธรรมได้
ข้อมูล / ภาพ : ไทยรัฐ