เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2568 ณ รัฐสภา นายสุทิน คลังแสง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ออกมาเรียกร้องให้พรรคประชาชน (ปชน.) แก้ไขญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังฝ่ายค้านยังคงยืนยันการใส่ชื่อ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งขัดต่อข้อบังคับสภา พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า ฝ่ายค้านอาจไม่มีข้อมูลอภิปรายอื่น หากไร้ชื่อทักษิณ

สุทินเรียกร้องฝ่ายค้านให้แก้ญัตติ ชี้อาจเป็นเหตุให้ล่มสภา

นายสุทิน คลังแสง ระบุว่า หากพรรคประชาชนไม่ยอมแก้ไขญัตติ อาจถูกมองว่าไม่มีข้อมูลอภิปรายอื่นนอกจากกรณีของนายทักษิณ และอาจนำไปสู่ปัญหาทางกระบวนการในสภาผู้แทนราษฎร เนื่องจากการใส่ชื่อบุคคลภายนอกในการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้นเป็นเรื่องที่ ขัดต่อข้อบังคับของรัฐสภา

“ผมอยากขอร้องฝ่ายค้านให้แก้ไขญัตติ เพื่อให้กระบวนการตรวจสอบเดินหน้าได้ และไม่เกิดปัญหาล่มสภาฯ พรรคประชาชนต้องปรับแก้ มันไม่เสียหายอะไร และจะทำให้เราสามารถอภิปรายตามหน้าที่ได้” นายสุทินกล่าว

นอกจากนี้ นายสุทินยังเสนอแนะให้ฝ่ายค้านใช้ เทคนิคการอภิปราย โดยหลีกเลี่ยงการเอ่ยชื่อบุคคลภายนอกโดยตรง เพราะสังคมสามารถรับรู้ได้เองว่า บุคคลที่ถูกกล่าวถึงคือใคร

พรรคเพื่อไทยยืนยัน “นายกฯ อิ๊งค์” พร้อมชี้แจงในสภาฯ

ด้าน นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมรับมือกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และสามารถตอบคำถามของฝ่ายค้านได้ทุกข้อ เนื่องจากเป็นผู้ตัดสินใจเองในทุกเรื่องตลอด 5 เดือนที่ผ่านมา

“นายกฯ อิ๊งค์ พร้อมตอบทุกคำถาม ไม่มีปัญหาเรื่องการชี้แจงในสภาฯ แต่ปัญหาคือ ญัตติที่พรรคประชาชนเสนอไม่เป็นไปตามข้อบังคับและอาจขัดรัฐธรรมนูญ” นายสรวงศ์กล่าว

นายสรวงศ์ยังระบุว่า การใส่ชื่อบุคคลภายนอกในญัตติถือเป็นเรื่องที่ ผิดหลักการ เพราะบุคคลนั้นไม่มีโอกาสเข้ามาชี้แจงหรือโต้แย้งภายในสภาฯ หากประธานสภาฯ อนุมัติญัตตินี้ อาจถือเป็นการสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้สามารถ อภิปรายถึงบุคคลภายนอกได้โดยไม่มีข้อจำกัด ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

พรรคเพื่อไทยตั้งข้อสงสัยเป้าหมายของฝ่ายค้าน

นายสรวงศ์ยังตั้งคำถามไปยังฝ่ายค้านว่า การยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อประโยชน์ของประเทศ หรือเพื่อโจมตีทางการเมือง เท่านั้น

“ถ้าฝ่ายค้านต้องการเสนอแนะให้เกิดการปรับปรุงการบริหารราชการแผ่นดิน เราไม่มีปัญหา แต่ถ้าญัตตินี้มีเป้าหมายเพื่อสร้างกระแสและดิสเครดิตทางการเมืองเพียงอย่างเดียว ก็ต้องให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน” เขากล่าว

ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทย ยืนยันว่าไม่จำเป็นต้องมีองครักษ์พิทักษ์นายกรัฐมนตรี หรือบุคคลใดบุคคลหนึ่ง เพราะสามารถชี้แจงและตอบโต้ได้ด้วยเนื้อหาและข้อเท็จจริงที่ชัดเจน

ข้อมูล/ภาพ : ไทยรัฐ