เซเลนสกีขอโทษทรัมป์ – สัญญาณฟื้นฟูความสัมพันธ์สหรัฐฯ-ยูเครน?

วอชิงตัน ดี.ซี.โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ได้ส่งจดหมายขอโทษถึง โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ หลังจากความตึงเครียดทางการทูตที่เกิดขึ้นเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ส่งผลให้ทรัมป์ชะลอการสนับสนุนทางทหารต่อยูเครน และระงับการแบ่งปันข้อมูลข่าวกรองบางส่วน อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวล่าสุดอาจเป็นก้าวแรกของการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ

จดหมายขอโทษ – จุดเริ่มต้นของการเจรจาใหม่

แหล่งข่าวจาก ทำเนียบขาว เปิดเผยว่า จดหมายของเซเลนสกีแสดงความเสียใจเกี่ยวกับการปะทะคารมที่เกิดขึ้นในการประชุมครั้งล่าสุด ซึ่งทำให้ทรัมป์ต้องทบทวนท่าทีต่อยูเครน

สตีฟ วิตคอฟฟ์ ทูตพิเศษของสหรัฐฯ กล่าวว่า “นี่เป็นก้าวสำคัญที่อาจช่วยให้ทั้งสองฝ่ายสามารถกลับมาเจรจากันได้อีกครั้ง” พร้อมระบุว่าทรัมป์มองคำขอโทษนี้เป็น “สัญญาณของความจริงใจ” จากรัฐบาลยูเครน

หลังจากการส่งจดหมายขอโทษ มีรายงานว่า ทั้งสองฝ่ายอาจจัดการเจรจารอบใหม่ที่ซาอุดีอาระเบีย เพื่อหารือถึงแนวทางการสนับสนุนทางทหารและการยุติสงครามกับรัสเซีย

การประชุมที่ซาอุดีอาระเบีย – บรรลุข้อตกลงหยุดยิง 30 วัน

เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2025 การประชุมที่เมืองเจดดาห์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ได้สิ้นสุดลงโดยมีข้อตกลงสำคัญเกี่ยวกับ การหยุดยิงชั่วคราวเป็นเวลา 30 วัน ซึ่ง ยูเครน ได้ตอบรับข้อเสนอนี้แล้ว ขณะนี้ยังคงรอการตัดสินใจจาก รัสเซีย ว่าจะเข้าร่วมในข้อตกลงดังกล่าวหรือไม่

ขณะเดียวกัน ทรัมป์ ได้ประกาศกลับมาให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครนอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นท่าทีที่ช่วยฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวระบุว่าการสนับสนุนครั้งนี้อาจอยู่ภายใต้เงื่อนไขใหม่ที่เข้มงวดขึ้น

แรงกดดันจากทั้งสองประเทศ – การเมืองภายในที่ซับซ้อน

ในสหรัฐฯ ทรัมป์ กำลังเผชิญแรงกดดันจากทั้งสองฝ่ายใน พรรครีพับลิกัน – ฝ่ายที่ต้องการให้สหรัฐฯ สนับสนุนยูเครนอย่างเต็มที่ และฝ่ายที่ต้องการลดบทบาทของสหรัฐฯ ในสงคราม การตัดสินใจของทรัมป์ในการกลับมาสนับสนุนยูเครน จึงต้องเดินบนเส้นทางที่ระมัดระวัง

ขณะเดียวกัน ยูเครน เองก็กำลังเผชิญแรงกดดันจากพันธมิตรตะวันตกที่เริ่มตั้งคำถามถึงแนวทางการบริหารสงครามของเซเลนสกี แม้ว่าการตอบรับข้อตกลงหยุดยิง 30 วันจะช่วยลดแรงเสียดทาน แต่ยังไม่อาจรับประกันว่าความช่วยเหลือจากพันธมิตรตะวันตกจะคงอยู่ต่อไปอย่างมั่นคง

อนาคตของความสัมพันธ์ – ขึ้นอยู่กับรัสเซียและการเมืองภายในสหรัฐฯ

แม้ว่าการขอโทษของ เซเลนสกี จะช่วยลดความตึงเครียดลง แต่ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปว่าความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และยูเครนจะกลับมาเหมือนเดิมหรือไม่

การประชุมที่ซาอุดีอาระเบียจะเป็นจุดชี้ขาด ว่าทรัมป์และเซเลนสกีสามารถบรรลุข้อตกลงที่พอใจทั้งสองฝ่ายหรือไม่ อีกทั้งยังต้องจับตาว่ารัสเซียจะตอบสนองต่อข้อตกลงหยุดยิงอย่างไร หากการเจรจาล้มเหลว ยูเครนอาจต้องปรับกลยุทธ์และมองหาพันธมิตรทางทหารใหม่เพื่อรับมือกับรัสเซียต่อไป ขณะเดียวกัน ทรัมป์เองก็ต้องเผชิญแรงกดดันจากการเมืองภายในประเทศ ว่าการตัดสินใจของเขาจะส่งผลต่อคะแนนนิยมในการเลือกตั้งปีหน้าอย่างไร

Zelensky, Trump, Ukraine, US politics, Saudi Arabia summit

สภายุโรปประณามไทย กรณีส่งชาวอุยกูร์ กระทบความสัมพันธ์ EU

อนุทินเจอศึกหนัก! สนธิ ลิ้มทองกุล ซัดแรง ปล่อยต่างชาติรุกไทย