มันไม่ใช่แค่ข้อสอบนิติศาสตร์ แต่มันคือความศรัทธาต่อระบบที่ถูกแลกด้วยกลโกง ปลายทางของคดีนี้คือภาพชุดครุยบนเวทีรับพระราชทานปริญญาบัตร…แต่ต้นทางคือห้องสอบที่กลายเป็นสมรภูมิของขบวนการทุจริตระดับสีกากี สอบเอาเกียรติยศปลอม ๆ มาปะหน้าให้ดูเหมือนคนดี
จุดเริ่มต้นคือหมายจับในมือ “ไซเบอร์ค็อป” “ดร.นิด” หรือ คณิษฐา เลิศบรรเจิดวงศ์ อาจารย์จากมหาวิทยาลัยดัง โดนหมายจับจากศาลอาญากรุงเทพใต้ ฐานล้วงข้อสอบจากคณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ เพื่อส่งให้ข้าราชการระดับสูงที่ต้องการ “วุฒิกฎหมาย” มาเสริมโปรไฟล์
แต่สิ่งที่เปิดโปงไม่ใช่แค่การโกงธรรมดา ๆ เมื่อปลายทางของข้อสอบชุดนั้น ถูกส่งต่อให้คนชื่อ สุรเชษฐ์ หักพาล หรือที่ประชาชนรู้จักกันในนาม บิ๊กโจ๊ก – อดีตตำรวจมือทอง ผู้เคยเป็นขวัญใจสื่อ และเคยเชิดชูภาพลักษณ์ “ตำรวจสายปราบโกง” วันนี้ เขากลายเป็นผู้รับประโยชน์จาก “ข้อสอบลับ”
สูตรโกงสอบของตำรวจระดับบิ๊ก ไม่ต่างจากฉากในหนัง “ฉลาดเกมส์โกง” เริ่มจากการขอเลื่อนสอบซ้ำแล้วซ้ำเล่า ด้วยเหตุผลราชการ พอเหลือสอบคนเดียว…เครือข่ายก็ลงมือ ดร.นิด ล้วงข้อสอบ อู๊ด นักกฎหมายคู่ใจรีบเฉลย ม้าเร็ว ควบมอเตอร์ไซค์ส่งคำตอบ ลูกน้องตำรวจคอยบังตา กรรมการไม่ระแคะระคาย ทั้งหมดนี้…เพื่อให้บิ๊กโจ๊กผ่านข้อสอบ และคว้าปริญญามาอีกใบ แปะเกียรติไว้กลางหน้า เหมือนตราประทับของคนใฝ่รู้
คำถามคือ…ปริญญานั้นได้มาด้วย “ความรู้” หรือ “ความร่วมมือในการโกง”? เรื่องนี้สะเทือนทั้งจุฬาฯ และวงการราชการ ยิ่งเมื่อวันรับปริญญามาถึง ภาพบิ๊กโจ๊กในครุยจุฬาฯ ยืนเคียง ดร.นิด กลายเป็นหลักฐานประกอบเรื่องราว ที่ไม่ต้องแต่งเติมให้มากกว่านี้…เพราะมันชัดอยู่แล้ว
นี่ไม่ใช่ความผิดของคนสองคน แต่มันคือความพังของระบบที่ยอมให้ “ตำแหน่ง” อยู่เหนือ “คุณธรรม”
จุฬาฯ ควรกล้ายึดปริญญาคืน หากปริญญาที่ออกไป ถูกใช้ด้วยวิธีโกง การปล่อยผ่านก็ไม่ต่างจากการรับรองว่าความไม่ชอบธรรมคือเรื่องปกติในสังคมนี้ คณะนิติศาสตร์ควรเป็นที่พึ่งสุดท้ายของ “ความถูกต้อง” ไม่ใช่ฉากถ่ายรูปให้คนมีสีเอาปริญญาไปอวด
เมื่อผู้รักษากฎหมาย กลายเป็นผู้ล้มกติกา ก็ไม่มีใครเหลือให้เราเชื่ออีกต่อไป

ข้อมูล/ภาพ : sondhitalk