จังหวัดตรัง…เมืองสงบ ผู้คนใจดี กับทะเลที่ซ่อนแสงยามเช้าไว้ในสายหมอก แต่ความจริงบางอย่างกลับไม่เคยจางหายไปกับทะเลหรือฟ้า คือ “ความเงียบ” ที่คลุมทับการทิ้งงานสนามบินแห่งใหม่อย่างเป็นระบบ
สนามบินตรัง วงเงินกว่า 4,400 ล้านบาท กลายเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของประเทศที่ชอบประกาศนโยบายใหญ่โตแต่ปล่อยให้ “ผู้รับเหมาทิ้งงาน” ได้เสมอราวกับเป็นเรื่องปกติ ทั้งที่เหลือเพียง 2% สุดท้ายของงานก่อสร้าง กลับล้มกลางอากาศ โดยบริษัทที่ถูกกล่าวหานั้นก็ไม่ใช่หน้าใหม่ หากแต่คือ “เจ้าประจำ” ที่เคยทิ้งงานสร้างโรงจอดเรือดำน้ำของกองทัพเรือมาแล้ว
คำถามคือ ใครอนุมัติให้บริษัทเดิมเข้ามาได้อีก? คณะกรรมการพิจารณาอยู่ที่ไหนตอนเซ็นสัญญา? ระบบตรวจสอบที่ควรจะทำหน้าที่ของมันหายไปไหน? ทำไมความผิดซ้ำจึงกลายเป็นเรื่องซ้ำซากที่ไม่มีใครรับผิด?
ยิ่งไปกว่านั้น สนามบินแห่งนี้ไม่ใช่โครงการเดียวในจังหวัดตรังที่ถูกทิ้งงาน ยังมีอีก 23 โครงการ ที่ถูกทิ้งร้างกลางทาง คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 2,095 ล้านบาท — มากพอที่จะสร้างโรงพยาบาลใหม่ให้คนตรังได้หลายแห่ง หรือซ่อมถนนทุกสายที่หลุมบ่อมากกว่าหลุมใจของผู้คน
แต่สิ่งที่ประชาชนได้รับคือ “ความเงียบ”
ไม่มีคำขอโทษ ไม่มีการเปิดชื่อ ไม่มีการเอาผิด
มีเพียงการเลื่อนกำหนดเปิดสนามบินจากต้นปี…เป็นกลางปี…และล่าสุด “ปลายปี 2568” อย่างไร้ความแน่นอน
แม้แผนจะระบุว่า สนามบินตรังจะเปิดเต็มรูปแบบในเดือนตุลาคม 2568 แต่เมื่อพิจารณาจากการเวนคืนที่ดินยังเหลืออีกครึ่งหนึ่ง รันเวย์ยังต่อไม่ถึงเป้าหมาย และหลังคาสีฟ้าของอาคารผู้โดยสารที่ถูกเปลี่ยนสี “โดยไม่มีเอกสารชัดเจน” — ความเชื่อมั่นของประชาชนจึงหายไปเหมือนงบที่หายเข้ากลีบเมฆ
นี่ไม่ใช่แค่เรื่องโครงสร้างพื้นฐานที่ล้มเหลว แต่คือภาพสะท้อนของระบบราชการและผลประโยชน์ทับซ้อน ที่กระทบต่อสิทธิของประชาชนโดยตรง ชาวตรังคือคนที่ต้องนั่งรอเครื่องบินในสนามบินที่ไม่มีเครื่องบิน ชมอาคารที่เสร็จไม่สมบูรณ์ และจ่ายภาษีให้กับระบบที่ไม่เคยรับผิดชอบ
เมื่อผู้รับเหมาผิดซ้ำ ไม่มีใครถามหา
เมื่อหน่วยงานรัฐล้มเหลว ไม่มีใครลาออก
เมื่อคนตรังต้องรอ “อนาคตที่สร้างไม่เสร็จ”
เราจะเงียบกันต่อไปหรือไม่?
สนามบินคือประตูสู่เมือง
แต่ในเมืองที่ประตูไม่เคยเปิด
มันอาจไม่ใช่แค่ปัญหาทางกายภาพ
แต่อาจเป็น “ความเฉยชา” ที่ฝังรากลึกยิ่งกว่ารันเวย์ที่ยังต่อไม่เสร็จ
