12 ล้านบาทในกล่องพลาสติก ถูกทิ้งไว้บริเวณจุดทิ้งขยะหน้าลิฟต์คอนโดเมืองทองธานี กลายเป็นข่าวใหญ่ในช่วงค่ำวันที่ 5 มิถุนายน 2568
ประเด็นที่ทำให้เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ “เงินหล่น” หรือ “เงินหาย” คือการพบ “เอกสารสำคัญ” ที่อยู่ในกล่องเดียวกัน หนึ่งในนั้นเป็นหนังสือจากสำนักงาน กสทช. (คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ) ซึ่งระบุชื่อ “นายทวีวัฒน์ เส้งแก้ว”
เมื่อ “ชื่อบุคคล” และ “หน่วยงานรัฐ” ถูกเชื่อมโยงเข้ากับเงินสด 12 ล้านบาทที่ไร้เจ้าของ คำถามใหม่จึงเกิดขึ้นทันทีในสังคม
5 ประเด็นที่ควรถาม
- เอกสาร กสทช. อยู่ในกล่องเงินได้อย่างไร?
ในเมื่อเอกสารทางราชการไม่ควรปะปนกับเงินสดในลักษณะนี้ และการที่เอกสาร กสทช. อยู่ร่วมในกล่อง ย่อมสร้างข้อสงสัยเกี่ยวกับความเกี่ยวพัน หรือเส้นทางของเงินก้อนนี้ - ชื่อบุคคลในเอกสาร มีบทบาทใน กสทช. หรือไม่?
ชื่อที่ปรากฏต้องถูกตรวจสอบว่าเกี่ยวข้องกับโครงสร้างหรือพันธะสัญญาใดของ กสทช. หรือเป็นเพียงบุคคลภายนอกโดยบังเอิญ? - ต้นทางของเงินมีความเกี่ยวข้องกับงบประมาณหรือธุรกรรมที่เชื่อมโยงกับ กสทช. หรือไม่?
ในยุคที่การจัดสรรงบประมาณโครงการหรือการว่าจ้างบริการสาธารณะอยู่ภายใต้การตรวจสอบอย่างเข้มข้น การปรากฏของเงินสดและเอกสารจากหน่วยงานรัฐจึงเป็นเรื่องที่ประชาชนมีสิทธิ์ตั้งข้อสังเกต - กระบวนการภายใน กสทช. มีมาตรการป้องกันความเสี่ยงเช่นนี้เพียงพอหรือไม่?
หากบุคคลภายในเกี่ยวข้องโดยตรงหรือโดยอ้อม เหตุการณ์นี้ย่อมสะท้อนถึงช่องโหว่ด้านการกำกับดูแลและความโปร่งใสของหน่วยงาน - เหตุใดความคืบหน้าเรื่องนี้ยังไม่ถูกชี้แจงจาก กสทช.?
เมื่อชื่อหน่วยงานถูกรวมอยู่ในข่าว สังคมย่อมคาดหวังการออกมาชี้แจงหรือให้ข้อมูลเบื้องต้น ไม่ใช่ปล่อยให้ข้อสงสัยลอยอยู่ในสื่อ
สุดท้ายนี้
- ประเด็นนี้ไม่ใช่เพียงเรื่อง “เงินหล่น” แต่เป็นภาพสะท้อนถึง ความน่าเชื่อถือ ของหน่วยงานรัฐ
- การตรวจสอบต้องเปิดเผย และ กสทช. เองก็ควรมีบทบาทในการให้ข้อมูลเพื่อรักษาความเชื่อมั่นของสาธารณะ
- ช่องโหว่ของระบบราชการไทยจะต้องไม่ถูกปล่อยให้คงอยู่ใต้พรม เพราะในที่สุดผู้เสียหายคือประชาชน
