รวมไทยสร้างชาติกับแผนสองชั้น ดัน “พีระพันธุ์” นั่งนายกฯ

วันที่ 19 มิถุนายน 2568 พรรครวมไทยสร้างชาติ มีแผนเตรียมเสนอชื่อ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีสำรองในสถานการณ์สุญญากาศทางการเมือง หลังกรณีคลิปเสียงหลุดของ แพทองธาร ชินวัตร เตะถ่วงความเชื่อมั่นรัฐบาล

พรรครวมไทยสร้างชาติเล็งคุยก่อนตัดสินใจเปลี่ยนนายกฯ

รายงานจากวงในพรรคร่วมรัฐบาลว่า 3 พรรคหลัก ได้แก่ ประชาธิปัตย์, ชาติไทยพัฒนา และ รวมไทยสร้างชาติ ได้ประชุมร่วมกันเพื่อกำหนดท่าทีต่อกรณี คลิปเสียงหลุด การสนทนาระหว่าง นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร กับ สมเด็จฮุน เซน ประธานสว.ของกัมพูชา

แม้ภาพรวมมติจะออกมาในแนวเดียวกัน คือ การขอเข้าพบนายกฯ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงก่อนตัดสินใจ แต่ ประชาธิปัตย์ และ ชาติไทยพัฒนา แสดงท่าทีชัดว่า จะยังอยู่ร่วมรัฐบาลต่อ โดยขอเพียงคำชี้แจงเพิ่มเติมในบางประเด็น

ที่น่าสนใจคือท่าทีของ พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ประชุมกันเฉพาะกลุ่มของ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค โดยไม่มีกลุ่มของ นายสุชาติ ชมกลิ่น เข้าร่วม มีรายงานว่า พรรคเสนอให้เปลี่ยนนายกรัฐมนตรีจากแพทองธาร เป็น นายชัยเกษม นิติสิริ หนึ่งในแคนดิเดตของพรรคเพื่อไทย

ข้อเสนอดังกล่าวถูกมองว่าอาจเป็นการวางหมากทางการเมืองเพื่อเปิดช่องให้ “นายพีระพันธุ์” ที่เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของรวมไทยสร้างชาติ ขยับขึ้นมาแทน หากการเปลี่ยนนายกฯ ไม่ราบรื่น หรือเกิดการสลับขั้วทางอำนาจในภายหลัง โดยเฉพาะเมื่อรวมไทยสร้างชาติกลายเป็นพรรคอันดับสองในรัฐบาล จึงมีน้ำหนักทางการเมืองเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน

เรื่องเก่าที่ต้องเคลียร์ ก่อนหวังนั่งนายกฯ

แม้นายพีระพันธุ์จะมีประวัติการทำงานในระดับสูง เช่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน แต่กลับเป็นบุคคลที่เคยถูก ป.ป.ช. เรียกสอบเกี่ยวกับถุงยังชีพ และยังถูกระบุว่ามีการ ถือครองหุ้นในเอกชน ซึ่งอาจขัดกับกฎหมายและคุณสมบัติของนายกรัฐมนตรี

ประเด็นนี้อาจกลายเป็นตราบาปในการสกัดอนาคตทางการเมืองของเขา หากฝ่ายค้านหรือนักกฎหมายตั้งข้อสังเกตและยื่นศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบจนถึงขั้นส่งผลให้คุณสมบัติถูกเพิกถอนหรือถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

ตามข้อกฎหมายเกี่ยวกับคุณสมบัตินายกรัฐมนตรี หากบุคคลนั้นมี ผลประโยชน์ทับซ้อนทางธุรกิจ หรือมีการดำเนินการที่ส่อขัดกับหลักจริยธรรม ย่อมถูกตั้งประเด็นการขาดคุณสมบัติและถูกฟ้องยุบยั้งการเข้ารับตำแหน่ง

ในกรณีของนายพีระพันธุ์นั้น แม้จะยังไม่มีการไต่สวนหรือคำตัดสินชัดเจนจากหน่วยงานใด แต่ประเด็นถุงยังชีพและการถือหุ้นบริษัทเอกชนถือเป็น “จุดตาย” ที่ฝ่ายค้านสามารถนำมาใช้เป็นประเด็น เปลี่ยนผ่านทางการเมืองได้อย่างมีน้ำหนักและชัดเจน

สมการรัฐบาล “อิ๊งค์ 2”

อิหร่านเน็ตล่มทั่วประเทศ รัฐบาลอ้างป้องกันภัยไซเบอร์