นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญในคดีคลิปเสียงสนทนากับ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา โดยยืนยันว่าถ้อยคำที่ใช้เป็นเพียงเทคนิคการเจรจาเพื่อให้คู่สนทนาเปิดเผยความต้องการ ไม่ได้มีเจตนาผูกมัดหรือให้คำมั่นสัญญา พร้อมขอให้ศาลไต่สวนพยานผู้ทรงคุณวุฒิ 5 ปาก เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์และเจตนาที่แท้จริง ท่ามกลางการจับตาของสังคมต่อผลคำวินิจฉัยซึ่งอาจกระทบต่ออนาคตทางการเมืองของรัฐบาล
ขอศาลไต่สวนพยาน 5 ปาก แต่ศาลอนุญาต 1 ปาก
แพทองธาร ชินวัตร ได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ขออนุญาตไต่สวนพยานผู้ทรงคุณวุฒิ 5 ปาก ซึ่งประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ความมั่นคง นักการทูต และผู้เชี่ยวชาญด้านการเจรจาระหว่างประเทศ เพื่ออธิบายบริบทการสนทนาในคลิปเสียงที่ถูกนำมาเป็นหลักฐานในคดีนี้ เธอยืนยันว่าทุกคำพูดมีเจตนาเพื่อสร้างบรรยากาศการเจรจาที่เป็นมิตร และไม่เข้าข่ายละเมิดบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ
หลังพิจารณาแล้วศาลรัฐธรรมนูญจะนัดไต่สวนพยานเพียงสองปากเท่านั้น ได้แก่ แพทองธาร ชินวัตร และ นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการ สภาความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งเป็นผู้ที่ศาลอนุญาตให้เข้าสู่กระบวนการไต่สวนเท่านั้น แม้นางสาวแพทองธารจะยื่นรายชื่อพยานผู้ทรงคุณวุฒิทั้งหมด 5 ปาก แต่ศาลรัฐธรรมนูญอนุญาตเพียง 1 ปาก และปัดตกคำร้องอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น การขอให้ยกเลิกมาตรการหยุดปฏิบัติหน้าที่ โดยจะทำการไต่สวนในวันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม 2568
ส่วนขั้นตอนการวินิจฉัย ศาลกำหนดให้มีการแถลงพูดปรึกษาหารือและลงมติในช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 29 สิงหาคม 2568 เวลา 09.30 น. และจะอ่านคำวินิจฉัยอย่างเป็นทางการเวลา 15.00 น.

ถ้อยคำ “อยากได้อะไรบอกมา” เป็นเพียงกลยุทธ์
หนึ่งในประเด็นที่ถูกจับตามากที่สุดคือถ้อยคำ “อยากได้อะไรบอกมาได้เลย เดี๋ยวจัดการให้” ซึ่งถูกวิจารณ์ว่ามีลักษณะยอมรับเงื่อนไขฝ่ายตรงข้ามโดยไม่มีข้อแม้ แพทองธาร อธิบายว่าถ้อยคำนี้เป็นเพียงกลยุทธ์ทางการสื่อสารเพื่อให้คู่สนทนาแสดงความต้องการ ไม่ได้มีการให้คำมั่นสัญญาที่จะปฏิบัติตาม
เธอชี้ว่าการตีความคำพูดเพียงบางส่วนโดยไม่คำนึงถึงบริบท อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิด พร้อมยืนยันว่าทุกถ้อยคำสอดคล้องกับหลักการรักษาผลประโยชน์ของประเทศ
ประเด็นแม่ทัพภาค 2 ไม่ใช่การชี้ว่าเป็นฝ่ายตรงข้าม
ในคลิปเสียงดังกล่าวยังมีการกล่าวถึง “แม่ทัพภาค 2” ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา แพทองธาร ชี้แจงว่าการกล่าวถึงบุคคลนี้เป็นเพียงการอธิบายสถานการณ์ให้คู่สนทนารับทราบถึงผู้มีบทบาทในพื้นที่ ไม่ได้มีเจตนามองว่าเป็นฝ่ายตรงข้ามหรือสร้างความขัดแย้ง
เธอย้ำว่าคำพูดดังกล่าวเป็นการให้ข้อมูลเชิงข้อเท็จจริง ไม่ใช่การโจมตีหรือข่มขู่บุคคลใด และไม่มีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างหน่วยงานความมั่นคง
ยืนยันไม่ละเมิดจริยธรรม
นายกรัฐมนตรีระบุว่าการกระทำทั้งหมดในคลิปเสียงไม่เข้าข่ายละเมิดมาตรฐานจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และไม่ทำให้เสื่อมเสียเกียรติภูมิของตำแหน่งผู้นำรัฐบาล พร้อมโต้แย้งว่าการยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญโดยสมาชิกวุฒิสภาบางส่วน อาจเป็นการใช้สิทธิที่มีเจตนาไม่สุจริตและได้รับอิทธิพลจากพรรคการเมือง
เธอยืนยันว่าพร้อมให้ความร่วมมือกับกระบวนการพิจารณาของศาล เพื่อให้ข้อเท็จจริงปรากฏอย่างชัดเจน และขอให้ประชาชนติดตามผลคำวินิจฉัยจากศาลซึ่งจะเป็นตัวชี้ขาดข้อพิพาทนี้