นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน ประกาศความพร้อมในการใช้เสียง 143 ส.ส. อภิปรายตรวจสอบนโยบายรัฐบาลชุดใหม่ที่นำโดย นายอนุทิน ชาญวีรกุล นายกรัฐมนตรี โดยย้ำว่าพรรคจะตรวจสอบทั้งภาพรวมและรายบุคคล หากพบว่ามีผู้ใดเกี่ยวพันกับคดีหรือผลประโยชน์ที่ไม่เหมาะสม พร้อมเตือนรัฐบาลใช้งบประมาณอย่างระมัดระวัง ไม่สร้างภาระทางการคลังให้รัฐบาลชุดถัดไป

พรรคประชาชนชี้นโยบายต้องไม่สร้างภาระผูกพัน

หัวหน้าพรรคประชาชนระบุว่า การดำเนินงานของรัฐบาลภายใต้กรอบเอ็มโอเอที่กำหนดให้ต้องยุบสภาภายใน 4 เดือน ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ต้องบริหารประเทศอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะการใช้งบประมาณ หากนโยบายใดก่อให้เกิดภาระผูกพันทางการเงินต่อรัฐบาลชุดหน้า จะถูกนำมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างเข้มข้นในสภา

ณัฐพงษ์กล่าวเพิ่มเติมว่า พรรคได้เปิดให้ ส.ส. ที่ประสงค์จะอภิปรายลงชื่อไว้แล้ว และกำลังจัดแบ่งประเด็นอภิปราย ทั้งในด้านนโยบายและคุณสมบัติรัฐมนตรี เพื่อสะท้อนให้ประชาชนเห็นถึงความเหมาะสมในการบริหารประเทศช่วงเปลี่ยนผ่าน

จับตาคุณสมบัติรัฐมนตรีและการทุจริตผลประโยชน์

ในการอภิปราย พรรคประชาชนจะมุ่งตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี หากพบว่ามีบุคคลที่ “วิญญูชนเห็นได้” ว่าเกี่ยวพันกับคดีหรือผลประโยชน์ทับซ้อน จะหยิบยกขึ้นอภิปรายโดยตรง เพื่อสร้างความโปร่งใสและยืนยันบทบาทฝ่ายค้านอย่างสร้างสรรค์

ณัฐพงษ์ย้ำว่า สิ่งสำคัญคือการทำให้ประชาชนมั่นใจว่าการเมืองไทยสามารถตรวจสอบได้ทุกระดับ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่รัฐบาลชุดนี้มีอายุเพียงสั้น แต่การตัดสินใจด้านนโยบายอาจส่งผลยาวนานต่อประเทศ

เน้นแก้รัฐธรรมนูญหมวด 15 ภายในกรอบเวลา 4 เดือน

หัวหน้าพรรคประชาชนยังชี้ว่า พรรคการเมืองหลักหลายพรรค รวมถึงภูมิใจไทยและเพื่อไทย ต่างเห็นตรงกันว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 15 สามารถทำได้ภายใน 4 เดือน แม้เวลาจะสั้น แต่หากบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพก็ยังเป็นไปได้

นอกจากนี้ พรรคประชาชนยังวางเงื่อนไขการตรวจสอบตามกรอบเวลาที่กำหนด หากพบว่ามีการบิดพลิ้วหรือถ่วงเวลา จะใช้เสียง ส.ส. ทั้งหมดกดดันรัฐบาลให้ทำตามข้อตกลงที่ลงนามไว้ในเอ็มโอเอ

ย้ำพรรคประชาชนไม่มีส่วนร่วมตั้งรัฐบาล

เมื่อถูกถามถึงข้อวิจารณ์ที่ว่า การไม่เข้าร่วมรัฐบาลของพรรคประชาชนเปิดทางให้พรรคภูมิใจไทยแทรกโควตาคนนอกได้ นายณัฐพงษ์ยืนยันว่า พรรคไม่ได้มีส่วนร่วมใดๆ ในการจัดตั้งรัฐบาล สิ่งที่จะพิสูจน์ได้ชัดเจนคือการทำหน้าที่ในสภา โดยเฉพาะการอภิปรายวันแถลงนโยบาย

เขาเน้นว่า หากพรรคแสดงท่าทีใดออกไปก่อนการแถลง แต่เกิดการเปลี่ยนแปลงภายหลัง อาจถูกโจมตีว่ามีส่วนเลือกบุคคลเข้ามาเป็นรัฐมนตรี ซึ่งไม่สอดคล้องกับความจริงที่พรรคยืนยันมาตลอดว่าอยู่ฝ่ายตรวจสอบ