ฎีกา “ทักษิณ” เกมชิงอำนาจรอบใหม่

ในห้วงเวลาที่การเมืองไทยกำลังล่องลอยอยู่ในความไม่แน่นอน “ทักษิณ ชินวัตร” กลับมาสู่หัวใจของพายุอีกครั้ง การยื่นฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงการ “ขอความเมตตา” จากสถาบันสูงสุด

แต่เป็น “หมากการเมือง” ที่กำลังวัดใจทุกขั้วอำนาจ จากทำเนียบรัฐบาล ถึงรัฐมนตรียุติธรรม

แม้รัฐธรรมนูญและระเบียบราชทัณฑ์จะเปิดช่องให้ “นักโทษเด็ดขาด” สามารถยื่นฎีกาได้ แต่ในทางการเมือง การที่อดีตนายกรัฐมนตรี “นายใหญ่ทักษิณ” ผู้ทรงอิทธิพลยื่นฎีกาซ้ำภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งปี หลังเพิ่งได้รับพระราชทานอภัยโทษลดโทษจาก 8 ปี เหลือเพียง 1 ปี

จึงไม่อาจถูกมองว่าเป็นเพียงเรื่องของ “กระบวนการยุติธรรม” ได้อีกต่อไป เพราะมันคือ “การทดสอบความสัมพันธ์เชิงอำนาจ” ระหว่าง รัฐบาล กระทรวงยุติธรรม ตุลาการ และสังคม

คำถามสำคัญคือ รัฐบาลจะเลือกยืนตรงไหนระหว่าง “ความชอบธรรมทางกฎหมาย” กับ “แรงกดดันทางการเมือง”

รายงานจากแหล่งข่าวภายในกระทรวงยุติธรรม ระบุว่า คำวินิจฉัยเดิมของ “ทวี สอดส่อง” อดีตรัฐมนตรียุติธรรม ที่เห็นควร “ยกฎีกา” ไม่เสนอเรื่องให้ ยังคงเป็น “หลักฐานสำคัญ” ที่ทีมกฎหมายชุดใหม่ต้องใช้พิจารณา

และนั่นหมายความว่า “รุทธพล เนาวรัตน์” รัฐมนตรีคนปัจจุบัน ต้องเลือกระหว่างการ “เดินตามแนวเดิม” หรือ “เปิดเกมใหม่” ที่อาจสั่นสะเทือนทั้งรัฐบาลอนุทิน

ในทางลึก นี่คือเกม “พิสูจน์ความจงรักภักดี” ของข้าราชการระดับสูง ใครขานรับ ใครลังเล ใครเซ็นชื่อ ล้วนบ่งบอกขั้วอำนาจที่แท้จริงภายใน

“ทักษิณ” รู้ดีว่าการยื่นฎีกาครั้งนี้อาจไม่ผ่าน แต่ก็ “ต้องยื่น” เพราะในเชิงยุทธศาสตร์ มันคือการเปิดประตูใหม่ของ “การเจรจาทางอำนาจ” ทุกการเคลื่อนไหวของเขา ไม่เคยเป็นเพียงเกมกฎหมาย แต่คือ “สัญญาณต่อรอง” ในระบบอำนาจที่ยังไม่สมดุล

การถูกยกฎีกา อาจไม่ใช่ความพ่ายแพ้ แต่อาจเป็นการ “บังคับให้ฝ่ายตรงข้ามเปิดหน้า” ว่าใครอยู่ข้างใคร โดยเฉพาะภายในรัฐบาลผสมที่เปราะบางและเต็มไปด้วยผลประโยชน์ทับซ้อน

สองทศวรรษผ่านไป ทักษิณยังคงเป็น “ตัวละครหลัก” ที่ไม่มีใครแทนที่ได้ เขาคือรอยแผลที่ไทยยังเย็บไม่สนิท ทุกครั้งที่เขาขยับ โครงสร้างอำนาจก็ต้องขยับตาม

การยื่นฎีกาครั้งนี้จึงไม่ใช่เรื่องของ “ชายชราในเรือนจำ” แต่คือ “บททดสอบของประเทศ” ว่าเราจะเดินบนหลักนิติธรรมได้จริง หรือจะกลับไปสู่ยุคที่ “อำนาจ” เหนือ “กฎหมาย” อีกครั้ง

ในขณะที่คดีความของ “ทักษิณ” อยู่ในมือกระทรวงยุติธรรม แต่ชะตาทางการเมืองของรัฐบาล “อนุทิน” อาจอยู่ในมือของประชาชน เพราะไม่ว่าผลจะเป็นเช่นไร หากกระบวนการนี้ไม่โปร่งใส ไม่ยุติธรรม หรือดูเหมือน “เขียนเกมเพื่อใครบางคน”

สิ่งที่รัฐบาลต้องเผชิญไม่ใช่เพียงแรงต้านจากฝ่ายค้าน แต่คือแรงปะทะจาก “ศรัทธาของประชาชน” ที่เริ่มหมดความเชื่อในระบบไปทุกวัน

“ฎีกาทักษิณ” จึงไม่ใช่จุดจบของคนคนหนึ่ง แต่คือการเปิดฉากของคำถามใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ว่าในประเทศนี้กฎหมายยังศักดิ์สิทธิ์อยู่จริงหรือไม่?

ล่าแต้มกู้เศรษฐกิจ – ปั่นกระแสชาตินิยม

พิพัฒน์รับคืนผิวจราจรถนนสามเสนไม่ทัน 8–9 ต.ค. เหตุต้องรื้อ สน.สามเสน นายกฯห่วงความปลอดภัย หวั่นอาคารพังถล่ม