“อนุทิน” ย้ำ 4 เงื่อนไขเจรจากัมพูชา – แจ้ง “ทรัมป์” รับทราบจุดยืนไทย

วันที่ 9 ตุลาคม 2568 — นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ยืนยันจุดยืนของไทยต่อการแก้ไขปัญหาชายแดนไทย–กัมพูชา โดยเตรียมแจ้ง โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ถึง “4 เงื่อนไขหลัก” ที่กัมพูชาต้องปฏิบัติก่อนเริ่มเจรจา พร้อมปฏิเสธกระแส “เดดไลน์ผลักดันเขมรออกนอกพื้นที่” ว่าไม่เป็นความจริง ย้ำไทยไม่ล่าช้าในการดำเนินการ พร้อมเผยความคืบหน้าการศึกษายกเลิก MOU 43–44 อยู่ในชั้นกรรมาธิการ

เงื่อนไข 4 ข้อของไทยต่อการเจรจากัมพูชา

นายอนุทิน เปิดเผยถึงการเตรียมเดินทางไปร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน (ASEAN Summit) ที่ประเทศมาเลเซีย โดยระบุว่า ฝ่ายไทยได้แจ้งเงื่อนไขสำคัญ 4 ข้อ ให้รัฐบาลกัมพูชาทราบแล้ว เพื่อเป็นเงื่อนไขเบื้องต้นในการเปิดโต๊ะเจรจา

เงื่อนไขดังกล่าวประกอบด้วย

  1. การถอนอาวุธหนัก บริเวณชายแดนเพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยแก่ประชาชนไทย
  2. การปราบปรามขบวนการสแกมเมอร์ ที่ตั้งฐานปฏิบัติการในฝั่งกัมพูชา
  3. การจัดการแรงงานผิดกฎหมายชาวกัมพูชา ที่ลักลอบเข้ามาในประเทศไทย
  4. การเคารพข้อตกลงชายแดน ตามหลักสากล เพื่อไม่ให้กระทบต่ออธิปไตยของไทย

นายอนุทิน ย้ำว่า ทั้ง 4 ข้อนี้ถือเป็น “หลักความมั่นคงของชาติ” ที่ไม่อาจต่อรองได้ และเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้สถานการณ์ชายแดนกลับสู่ภาวะปกติ

“ไม่มีเดดไลน์ ไม่มีล่าช้า” นายกฯ ยันไทยปฏิบัติตามหลักมนุษยธรรม

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวว่า ไทยจะมี “เดดไลน์” ในการผลักดันชาวกัมพูชาออกนอกพื้นที่ชายแดนภายในวันที่ 10 ตุลาคม นายอนุทิน ตอบชัดว่า “ไม่มีคำว่าเดดไลน์ครับ” เพราะไทยจะดำเนินการตามขั้นตอน โดยพิจารณาจากการปฏิบัติของกัมพูชาเป็นหลัก

นายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า หากกัมพูชาไม่ดำเนินการตามที่แจ้งไว้ ไทยก็มีมาตรการรองรับตามกรอบกฎหมาย และจะดำเนินการร่วมกับฝ่ายความมั่นคงอย่างรอบคอบ

ในส่วนที่ ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ไทยดำเนินการล่าช้าในการแก้ปัญหาชายแดน โดยเฉพาะพื้นที่ จังหวัดสระแก้ว นายอนุทินตอบโต้ว่า ไทยเป็นฝ่ายถูกรุกราน และยืนยันว่าฝ่ายไทย “ไม่ได้ล่าช้า” แต่อย่างใด

เตรียมแจ้ง “ทรัมป์” ยืนยันจุดยืนไทยต่อข้อพิพาทชายแดน

นายอนุทิน กล่าวถึงประเด็นที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ แสดงความจำนงจะเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยปัญหาไทย–กัมพูชา ว่า ฝ่ายไทยยินดีที่จะส่งหนังสือตอบกลับ พร้อมย้ำว่าการเจรจาจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อกัมพูชาปฏิบัติตามเงื่อนไขทั้ง 4 ข้อดังกล่าว

เขาระบุว่า การที่สหรัฐฯ แสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์ในภูมิภาคถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะช่วยสร้างแรงกดดันเชิงบวกให้กัมพูชาปรับท่าที แต่ไทยต้องยืนหยัดบนหลักความมั่นคงและผลประโยชน์ของประเทศ

MOU 43–44 ยังอยู่ในชั้นศึกษาของ กมธ.

สำหรับความคืบหน้าการพิจารณายกเลิก บันทึกความเข้าใจ (MOU) 43 และ 44 ที่เกี่ยวข้องกับการสำรวจเขตแดน ไทย–กัมพูชา นายอนุทิน เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการศึกษาโดย กรรมาธิการร่วมของทั้งสองสภา

เขาระบุว่า การพิจารณาดังกล่าวต้องใช้เวลาและความรอบคอบ เพราะเป็นเรื่องที่กระทบต่อข้อตกลงระหว่างประเทศ โดยต้องรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่าย เพื่อให้ได้แนวทางแก้ไขที่เป็นธรรมและยั่งยืน

นายอนุทิน กล่าวย้ำว่า ภายในช่วง 4 เดือนข้างหน้า รัฐบาลจะมุ่งเน้นการคลี่คลายสถานการณ์ปัจจุบันก่อน ยังไม่ควรคาดหวังถึงผลในระยะยาว

เตรียมใช้กฎหมายพิเศษดูแลสถานการณ์ชายแดนสระแก้ว

ในส่วนของการดูแลพื้นที่ชายแดน จังหวัดสระแก้ว นายอนุทิน ระบุว่า ได้มอบหมายให้ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เป็นผู้รับผิดชอบหลัก ร่วมกับกองทัพ ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ป่าไม้ โดยอาจมีการพิจารณาใช้ พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก เพื่อควบคุมสถานการณ์หากจำเป็น

เขายืนยันว่า ทุกมาตรการจะดำเนินไปภายใต้หลักมนุษยธรรม และให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของประชาชนเป็นอันดับแรก

สมชัย ศรีสุทธิยากร ชี้ “จังหวะสวรรค์ทางการเมือง” หลังยุบสภา เอื้อย้ายพรรคใน 30 วัน

กมธ.มั่นคงฯ ถกปม “เบน สมิธ–คอลเซ็นเตอร์” โรมลั่น รมต.ต้องมาชี้แจงเอง