วันที่ 14 ตุลาคม 2568 ที่ อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว แกนนำจาก พรรคประชาชน และ คณะก้าวหน้า ร่วมจัดพิธีรำลึกครบรอบ 52 ปี เหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 โดยมี ศรายุทธิ์ ใจหลัก เลขาธิการพรรคประชาชน, เบญจา แสงจันทร์ และ ปดิพัทธ์ สันติภาดา จากคณะก้าวหน้า ร่วมวางพวงมาลาและกล่าวรำลึกถึงวีรชน พร้อมประกาศเจตนารมณ์เดินหน้าผลักดันการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพื่อพาประเทศไทยออกจากวงจรรัฐประหาร
รำลึกวีรชน 14 ตุลา 16 สัญลักษณ์แห่งการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย
ศรายุทธิ์ ใจหลัก กล่าวในพิธีว่า เหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของประวัติศาสตร์การเมืองไทย ที่ประชาชนทุกหมู่เหล่าร่วมกันลุกขึ้นต่อสู้เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย หลังจากต้องอยู่ภายใต้ระบอบเผด็จการมาอย่างยาวนาน การเสียสละของประชาชนในครั้งนั้นทำให้ประเทศได้เห็นพลังของประชาชนผู้รักเสรีภาพอย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตาม เพียงสามปีหลังเหตุการณ์นั้น กลุ่มชนชั้นนำก็กลับมาชิงอำนาจอีกครั้ง นำพาประเทศเข้าสู่วงจรการรัฐประหารซ้ำแล้วซ้ำเล่า สะท้อนว่าการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยยังไม่สิ้นสุด แม้จะผ่านมากว่าครึ่งศตวรรษแล้วก็ตาม
ย้อนเส้นทางการต่อสู้ของประชาชนตลอด 52 ปีแห่งประชาธิปไตยไทย
ศรายุทธิ์กล่าวว่า นับจากปี 2516 เป็นต้นมา ประเทศไทยต้องเผชิญกับความขัดแย้งระหว่าง “ชนชั้นนำผู้ต้องการครองอำนาจ” กับ “ประชาชนผู้ใฝ่เสรีภาพ” อย่างต่อเนื่อง เหตุการณ์สำคัญ เช่น รัฐประหารปี 2534 โดยคณะ รสช., การลุกฮือของประชาชนในปี 2535, การผลักดันรัฐธรรมนูญปี 2540 ซึ่งเป็น “รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน” ล้วนเป็นหลักฐานของการต่อสู้เพื่อสิทธิและเสียงของประชาชน
แต่แล้วอำนาจก็กลับไปอยู่ในมือชนชั้นนำอีกครั้ง หลัง รัฐประหารปี 2549 และ 2557 ที่นำไปสู่รัฐธรรมนูญปี 2560 ซึ่งศรายุทธิ์มองว่าเป็นกติกาที่จำกัดอำนาจของประชาชน ขณะที่เยาวชนรุ่นใหม่ยังคงลุกขึ้นต่อสู้เพื่ออนาคตที่เสรีและเป็นธรรม
“พรรคประชาชน” ตั้งเป้าผลักดันแก้รัฐธรรมนูญหมวดใหม่ เปิดทางให้ประชาชนมีส่วนร่วม
ในวาระครบรอบ 52 ปีของเหตุการณ์ 14 ตุลา พรรคประชาชน ประกาศเจตนารมณ์ที่จะเดินหน้าผลักดันการแก้ไข รัฐธรรมนูญหมวด 15/1 เพื่อเปิดประตูสู่การแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมทางการเมืองอย่างแท้จริง
ศรายุทธิ์ย้ำว่า การสืบสานเจตนารมณ์ของวีรชน 14 ตุลาคม ต้องไม่หยุดอยู่เพียงการรำลึก แต่ต้องแปรเปลี่ยนเป็นพลังทางการเมือง เพื่อผลักดันให้ “อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน” อย่างแท้จริง พร้อมเชิญชวนประชาชนทุกภาคส่วนร่วมกันปลดล็อกวงจรรัฐประหาร และสร้างประชาธิปไตยที่มั่นคงยั่งยืนให้เกิดขึ้นในประเทศไทย
