ไทย-สิงคโปร์ ลงนาม ค้าข้าว 1 แสนตัน! พร้อมต่อยอดสินค้าเกษตรอื่น

รัฐบาลไทย-สิงคโปร์ลงนามความร่วมมือค้าข้าว 1 แสนตัน ต่อยอดแนวคิด Food Security Hub เสริมศักยภาพไทยสู่ศูนย์กลางความมั่นคงทางอาหารของอาเซียน และขยายตลาดสินค้าเกษตรโลก

วันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีของไทย และ นายลอเรนซ์ หว่อง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ร่วมเป็นสักขีพยานพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOC) ด้านการค้าข้าวระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลสิงคโปร์ ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมความมั่นคงทางอาหาร (Food Security) และวางรากฐานความร่วมมือด้านสินค้าเกษตรในระยะยาว โดยไทยตกลงขายข้าวให้สิงคโปร์สูงสุด 1 แสนตัน ภายในระยะเวลา 5 ปี ตอกย้ำบทบาทไทยในฐานะผู้ผลิตและผู้ส่งออกข้าวรายสำคัญของโลก

ไทย-สิงคโปร์เซ็น MOC ค้าข้าว นำร่องสร้าง Food Security Hub แห่งอาเซียน

นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การลงนามครั้งนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ระหว่างสองประเทศ โดยมี Ms. Grace Fu รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อมของสิงคโปร์ เป็นผู้ลงนามฝ่ายสิงคโปร์ ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ของไทยมอบหมายให้ กรมการค้าต่างประเทศ ร่วมดำเนินการกับ Singapore Food Agency (SFA) เพื่อบริหารจัดการภายใต้บันทึกความร่วมมือดังกล่าว

ข้อตกลงนี้มีระยะเวลา 5 ปี และสามารถต่ออายุได้ตามความเห็นชอบร่วมกัน โดยปริมาณข้าวที่ซื้อขายจะดำเนินการตามหลักการค้าสากล และอิงราคาตลาดโลกในขณะนั้น ความร่วมมือดังกล่าวนับเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับศักยภาพสินค้าเกษตรของไทยในเวทีโลก และเป็นการเริ่มต้นสู่แนวคิด “Food Security Hub” ของภูมิภาคอาเซียน ซึ่งมีเป้าหมายให้ไทยเป็นฐานการผลิตอาหารที่มั่นคงและยั่งยืน

ศุภจีชี้ ความร่วมมือครั้งประวัติศาสตร์ สะท้อนศักยภาพข้าวไทยสู่ระดับโลก

นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ กล่าวย้ำว่า แม้ปริมาณข้าวในความร่วมมือครั้งนี้มีเพียง 1 แสนตัน แต่มีความหมายเชิงยุทธศาสตร์อย่างยิ่ง เพราะเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้าง “ระบบความมั่นคงทางอาหารระดับภูมิภาค” โดยอาศัยศักยภาพของไทยในฐานะประเทศผู้ผลิตข้าวรายใหญ่ของโลก

เธอกล่าวเพิ่มเติมว่า การที่ สิงคโปร์ ซึ่งมีมาตรฐานด้านอาหารสูงสุดประเทศหนึ่งของโลก เลือกจับมือกับไทยในข้อตกลงแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล (G2G) แสดงถึงความเชื่อมั่นในคุณภาพของข้าวไทย รวมถึงระบบบริหารจัดการสินค้าเกษตรที่โปร่งใสและเป็นมาตรฐาน การลงนามครั้งนี้ไม่เพียงส่งเสริมเศรษฐกิจ แต่ยังช่วยสร้างความมั่นคงด้านอาหารให้แก่ทั้งสองประเทศ และเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรไทยโดยตรง

สิงคโปร์พึ่งนำเข้าข้าว สะท้อนความสำคัญของไทยในตลาดโลก

สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีพื้นที่เกษตรจำกัด ทำให้ต้องพึ่งพาการนำเข้าข้าวเพื่อการบริโภคและสำรองในอุตสาหกรรมอาหาร ความร่วมมือด้านการค้าข้าวครั้งนี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเสริมเสถียรภาพด้านอาหารของสิงคโปร์ และยืนยันบทบาทของไทยในฐานะ “ผู้ส่งออกข้าวคุณภาพสูงระดับโลก”

ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 (มกราคม–กันยายน) ไทยส่งออกข้าวไปสิงคโปร์แล้วกว่า 90,031 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 จากปีก่อน โดยส่วนใหญ่เป็น ข้าวหอมมะลิไทย ข้าวขาว และข้าวหอมไทย ทำให้ไทยครองส่วนแบ่งตลาดข้าวในสิงคโปร์ร้อยละ 22.34 เป็นอันดับสามรองจากอินเดียและเวียดนาม

ต่อยอดสู่สินค้าเกษตรอื่น สร้างศูนย์กลาง Food Security Hub แห่งภูมิภาค

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ยังเปิดเผยเพิ่มเติมว่า รัฐบาลไทยมีแผนจะขยายความร่วมมือในลักษณะเดียวกันไปยังสินค้าเกษตรอื่น เช่น ผลไม้ พืชเศรษฐกิจ และสินค้าแปรรูป เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและขยายตลาดการค้าระหว่างประเทศ

แนวคิดดังกล่าวจะช่วยผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็น ศูนย์กลางด้านความมั่นคงทางอาหารของอาเซียน (ASEAN Food Security Hub) อย่างแท้จริง ทั้งในด้านการผลิต การจัดการ และการส่งออกสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพสูงสู่ตลาดโลก


📰 อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ The Mainstream

ลูกสาวคุณหญิงหน่อย “จินนี่ ยศสุดา” ประกาศ ลงสนามการเมืองเต็มตัว

อัจฉริยะ ร่วมมือ บิ๊กโจ๊ก เดินเกมเปิดโปงตำรวจ- นักการเมืองเอี่ยวเว็บพนัน