อนุทินแจงสัมพันธ์เบน สมิธ แค่รู้จักไม่สนิท ย้ำภาพเก่าไม่กระทบปฏิบัติการปราบสแกมเมอร์

ในการให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ชี้แจงกรณีภาพถ่ายร่วมเฟรมกับ เบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ (เบน สมิธ) สงสัยเชื่อมโยงเครือข่ายสแกมเมอร์ว่าเป็นภาพเก่าที่เกิดขึ้นตามงานสังคม ย้ำเพียงรู้จักแต่ไม่สนิท และไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินคดี พร้อมโต้กระแสการเมืองที่กล่าวหารัฐบาลไม่กล้าปราบปราม โดยระบุว่าทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมายและเส้นเงินจะนำไปสู่ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดในที่สุด

อนุทินย้ำ “รู้จักแต่ไม่สนิท” ชี้เป็นภาพเก่าตามงานสังคม

นายอนุทิน เปิดเผยว่า ภาพถ่ายที่เผยแพร่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน และเป็นเพียงการพบปะในงานสังคมตามปกติ โดยไม่ได้มีความสัมพันธ์ส่วนตัวหรือธุรกรรมร่วมกับ เบน สมิธ แต่อย่างใด พร้อมย้อนถามสื่อว่า “ปีนั้นปีอะไร” เพื่อย้ำว่าเหตุการณ์เป็นอดีตนานมาแล้ว และถือเป็นการเจอครั้งแรกในลักษณะเพื่อนของเพื่อน

นายกรัฐมนตรีระบุว่า ตนรู้จักอีกฝ่ายเพียงผิวเผิน เคยพบประมาณ 5–6 ครั้งในงานต่าง ๆ แต่ไม่ใช่ความคุ้นเคยระดับสนิทสนม พร้อมตั้งคำถามกลับว่าการเห็นภาพเมื่อสิบปีก่อนควรนำมาเชื่อมโยงกับปัจจุบันหรือไม่ โดยย้ำว่าไม่เคยทำงานหรือทำธุรกิจร่วมกัน

โต้แรงข่าวการเมือง—ปฏิเสธเป็นเหตุให้รัฐไม่กล้าปราบสแกมเมอร์

เมื่อถูกถามว่า ภาพร่วมเฟรมอาจเป็นสาเหตุให้รัฐบาลไม่กล้าดำเนินการกับเครือข่ายสแกมเมอร์ของ เบน สมิธ นายกรัฐมนตรีตอบชัดว่า “ผมนะหรือไม่กล้าแตะ ปัดโธ่ You know me little go… คุณรู้จักผมน้อยไป” พร้อมหัวเราะก่อนเดินเข้าประชุม แสดงความมั่นใจว่ารัฐบาลไม่มีเหตุผลต้องยกเว้นใคร

เขายังระบุว่า การแสดงความคิดเห็นว่ารัฐบาลไม่กล้าปราบ เป็น “แล้วแต่คิด” และย้ำว่าทุกการดำเนินคดีต้องยึดพยานหลักฐาน ไม่ใช่เพียงภาพถ่ายหรือกระแสในโลกออนไลน์ พร้อมชี้ว่าในกระบวนการสืบสวน “เส้นเงินถึงใครก็ต้องดำเนินการตามนั้น”

เผยถูกขอให้ย้ายกระทรวงในรัฐบาลก่อน แต่ไม่เกี่ยวเหตุปมสัญชาติ

นายกรัฐมนตรี ย้ำว่าสมัยรัฐบาลก่อน พรรคภูมิใจไทยไม่ได้ถูกปลดออกจากรัฐบาล แต่เพียงได้รับการขอให้ย้ายจากรมว.มหาดไทยไปเป็นรัฐมนตรีสาธารณสุข ซึ่งพรรคปฏิเสธ ก่อนขอถอนตัวออกจากรัฐบาลเอง โดยชี้แจงเพื่อความถูกต้องหลังมีการเชื่อมโยงว่าเรื่อง “ไม่ให้สัญชาติ” เป็นเหตุการณ์ทางการเมืองในอดีต

เขายังกล่าวว่ารู้ตัวผู้ปล่อยภาพว่ามีเจตนาทางการเมือง พร้อมบอกว่านักข่าวก็ทราบดีว่าเป็นใคร แต่ยืนยันว่าการเผยแพร่ภาพไม่ได้ทำให้รัฐบาลเปลี่ยนท่าทีในการปราบปรามเครือข่ายสแกมเมอร์

ชี้การสืบสวนคืบหน้า เส้นเงินพาไปถึงใครต้องดำเนินการทั้งหมด

นายอนุทิน ระบุว่า คำถามเรื่องหมายจับหรือรายละเอียดทางคดีต้องสอบถามตำรวจ แต่ย้ำว่าแนวทางสืบสวนเข้มข้น และเมื่อเส้นทางเงินนำไปถึงบุคคลใด เจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการตามกฎหมายแบบเดียวกันทั้งหมด ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นใคร

นายกรัฐมนตรีระบุว่า คำอ้างว่ารัฐบาลไม่กล้าปราบ เป็นการตั้งสมมติฐานเกินจริง พร้อมขอให้แยกการเมืองออกจากความจริงของกระบวนการดำเนินคดีเพื่อไม่ให้สังคมสับสน

“รังสิมันต์ โรม” จี้รัฐบาลตอบ ปมภาพ อนุทิน ร่วมเฟรม เบน สมิธ

“กัณวีร์” ชี้ถูกปลดเลขาฯ เป็นธรรม แจงรู้ข่าวพร้อมประชาชน