วันที่ 4 ธันวาคม 2568 นายกัณวีร์ สืบแสง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อจากพรรคเป็นธรรม ชี้แจงต่อสาธารณะหลังพรรคมีมติปลดเขาจากตำแหน่งเลขาธิการพรรค โดยยืนยันว่าเพิ่งทราบเรื่องพร้อมประชาชน และปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องการแอบอ้างมติพรรคในการลงคะแนนเลือกนายกรัฐมนตรี ย้ำว่าการลงมติเป็นดุลยพินิจของ สส. ตามรัฐธรรมนูญ พร้อมระบุว่าตำแหน่งเลขาฯ ไม่มีผลต่อการทำงาน และจะเดินหน้าการเมืองโปร่งใสตามอุดมการณ์เดิมต่อไป

ย้ำไม่เคยแอบอ้างมติพรรค แจงโหวตนายกฯ เป็นสิทธิของ สส.

นายกัณวีร์ ระบุว่า ข้อกล่าวหาที่ว่าตนแอบอ้างมติพรรคเพื่อลงคะแนนในสภานั้น “ไม่เป็นความจริง” เพราะพรรคไม่เคยมีมติในประเด็นดังกล่าว และฝ่ายบริหารพรรคก็ไม่เคยสื่อสารข้อมูลใดให้ทราบ การลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีเป็นการใช้ดุลยพินิจส่วนตัวตามสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่การกระทำตามคำสั่งของพรรค การหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาปลดในเวลานี้ยิ่งทำให้สังคมตั้งคำถามถึงเหตุผลที่แท้จริง

เขาระบุเพิ่มเติมว่า การโหวตนายกรัฐมนตรีเกิดขึ้น “มาสักพักแล้ว” และการนำเหตุนี้มาใช้ในห้วงเวลานี้อาจสร้างความคลางแคลงใจให้ประชาชนว่ามีกระบวนการทางการเมืองอยู่เบื้องหลังหรือไม่ พร้อมย้ำว่าตนไม่เคยอ้างชื่อพรรคเพื่อสนับสนุนจุดยืนของตนในสภา

ไม่ได้หารือพรรคมานาน ยอมรับรู้ข่าวพร้อมประชาชน

สส. พรรคเป็นธรรมรายนี้ชี้แจงว่า ตลอดช่วงที่ผ่านมา เขาเป็นผู้แทนราษฎรเพียงคนเดียวของพรรค และไม่ได้ติดต่อหรือประชุมหารือร่วมกับผู้บริหารพรรคมาเป็นเวลานาน ต่างฝ่ายต่างทำงานของตน ทั้งการทำงานพื้นที่ การอภิปรายในสภา และกิจกรรมของพรรคที่ดำเนินไปตามปกติ

เขากล่าวว่า มติปลดออกจากตำแหน่งเลขาธิการพรรคเป็นเรื่องที่ทราบพร้อมกับประชาชนทั่วไป จึงย้ำว่าหากจะบอกว่ามีการ “จัดฉาก” ตนก็คงเป็นหนึ่งในผู้ที่ถูกจัดฉากโดยปริยาย สะท้อนถึงความไม่ชัดเจนในการสื่อสารภายในพรรคตลอดช่วงที่ผ่านมา

ตำแหน่งเลขาฯ ไม่มีคุณโทษ ย้ำอุดมการณ์การเมืองโปร่งใสยังเหมือนเดิม

นายกัณวีร์ย้ำว่า ตำแหน่งเลขาธิการพรรคไม่ได้ส่งผลดีหรือผลเสียต่อบทบาทของเขาในฐานะผู้แทนราษฎร สิ่งที่ยึดมั่นมาตลอดคือการทำงานเพื่อประชาชน ผลักดันการเมืองโปร่งใส และสร้างภาพลักษณ์เชิงบวกให้ประเทศไทยบนเวทีระหว่างประเทศ โดยมุ่งเน้นเรื่องมนุษยธรรมและนโยบายสาธารณะที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน

เขายืนยันว่าจะเดินหน้าทำงานด้วยความซื่อสัตย์ ไม่เปลี่ยนแปลงเจตจำนงทางการเมืองและอุดมการณ์เดิม พร้อมขอบคุณประชาชนที่มอบความไว้วางใจ และให้คำมั่นว่าจะปฏิบัติหน้าที่ในสภาอย่างสุดความสามารถต่อไป เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดต่อบ้านเมือง