นางสาว ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยผลการเจรจายาวกว่า 12 ชั่วโมง ระหว่างบริษัท ไดกิ้น อินดัสทรีส์ (ประเทศไทย) กับสหภาพแรงงานไดกิ้น อมตะ รักษ์เสรี ซึ่งเริ่มตั้งแต่บ่ายวันที่ 8 ธันวาคมจนถึงช่วงดึกวันที่ 9 ธันวาคม 2568 ว่าสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงร่วมกัน โดยบริษัทตกลงจ่ายโบนัสประจำปี ปรับสวัสดิการหลายรายการ และเปลี่ยนรางวัลอายุงานจากทองคำเป็นเงินสด พร้อมให้สมาชิกสหภาพแรงงานกลับเข้าทำงานได้ตามปกติในวันนี้ เวลา 08.00 น.

ข้อยุติหลังเจรจายาว 12 ชั่วโมง จ่ายโบนัส–ปรับขึ้นค่าจ้าง

นางสาว ตรีนุช ระบุว่า การเจรจาหาทางออกในครั้งนี้มีหน่วยงานของกระทรวงแรงงานร่วมเป็นคณะไกล่เกลี่ย นำโดยนายประสิทธิ์ ปาตังคะโร ผู้ตรวจราชการกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ซึ่งทำหน้าที่ประสานข้อเรียกร้องของทั้งสองฝ่ายเพื่อให้เกิดข้อตกลงที่ยอมรับร่วมกัน โดยมีการประชุมต่อเนื่องในห้องลานนา โรงแรมไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพ สุวรรณภูมิ

ผลการเจรจานำไปสู่ข้อตกลงสำคัญหลายข้อ อาทิ การจ่ายโบนัสประจำปี 2568 ในอัตรา 7 เดือน พร้อมเงินพิเศษ 12,000 บาท และ 3,000 บาท รวมถึงการปรับขึ้นค่าจ้างประจำปี 2569 อิงจากค่ากลางเกรด C ในอัตรา 3% ซึ่งเป็นไปตามข้อเรียกร้องด้านความเป็นธรรมในการจ้างงานของพนักงาน

สวัสดิการใหม่แทนทองเป็นเงิน พร้อมเพิ่มค่ากะ–วันหยุดยาวพิเศษ

อีกประเด็นสำคัญคือการปรับสวัสดิการรางวัลสถิติการทำงานต่อเนื่อง โดยบริษัทตกลงเปลี่ยนจากการมอบทองคำเป็นการจ่ายเงินสดจำนวน 50,000 บาท สำหรับพนักงานที่มีอายุงานตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป ซึ่งถือเป็นการปรับระบบให้เข้ากับบริบทเศรษฐกิจปัจจุบัน และช่วยให้พนักงานได้รับประโยชน์ตรงตัวมากขึ้น

ส่วนสวัสดิการด้านค่ากะก็ได้รับการปรับเพิ่มจากเดิมวันละ 150 บาท เป็น 160 บาท พร้อมทั้งพิจารณาเพิ่มวันหยุดในปฏิทินปี 2569 รวมวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ 9 วัน และวันหยุดเทศกาลปีใหม่ 9 วัน ซึ่งสะท้อนถึงความตั้งใจของบริษัทในการสร้างสมดุลชีวิตและการทำงานของพนักงาน

ข้อตกลงมีผล 1 ปี พนักงานกลับเข้าทำงานปกติ 9 ธ.ค.

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานระบุว่า ข้อตกลงที่เกิดขึ้นจะมีอายุ 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม 2568 ถึงวันที่ 7 ธันวาคม 2569 โดยสมาชิกสหภาพแรงงานของบริษัทจะกลับเข้าปฏิบัติงานตามปกติได้ตั้งแต่เวลา 08.00 น. ของวันนี้ (9 ธันวาคม) ซึ่งในภาพรวมถือเป็นการยุติข้อพิพาทแรงงานอย่างเป็นทางการ

นางสาว ตรีนุช กล่าวเพิ่มเติมว่า การบรรลุข้อตกลงครั้งนี้ถือเป็นความร่วมมือที่ดีระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง และกระทรวงแรงงานจะยังคงทำหน้าที่สนับสนุน ดูแล และคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของแรงงานทุกฝ่ายอย่างรอบด้าน เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่มั่นคงและเป็นธรรมในระยะยาว