ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ออกมาแสดงความเห็นตอบโต้กรณี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ประกาศบนเวทีดีเบตว่า จะไม่ร่วมงานกับพรรคกล้าธรรมหลังการเลือกตั้งปี 2569 โดยระบุว่าการเมืองไม่ควรเริ่มต้นจากการสร้างวาทกรรมหรือภาพลักษณ์ล่วงหน้า แต่ต้องวัดจากผลงานที่ทำให้ประเทศและประชาชน พร้อมชี้ว่าการประกาศไม่จับมือกับพรรคใดพรรคหนึ่งถือเป็นเรื่องไม่เหมาะสม และยังไม่ใช่เวลาพูดถึงการจัดตั้งรัฐบาล
ธรรมนัสตอบปมอภิสิทธิ์บนเวทีดีเบต ชี้ไม่เหมาะประกาศจุดยืนล่วงหน้า
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2568 ที่พรรคกล้าธรรม ถึงกรณีที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ระบุชัดเจนบนเวทีดีเบตทางการเมืองว่าจะไม่ร่วมงานกับพรรคกล้าธรรมภายหลังการเลือกตั้ง ว่า ตนไม่ได้รับชมเวทีดังกล่าว เนื่องจากอยู่ระหว่างการลงพื้นที่ และไม่ได้รับเชิญอย่างเป็นทางการ
เขาระบุว่า เวทีดีเบตควรมีการประสานงานและทำความเข้าใจกันอย่างชัดเจนก่อน โดยเฉพาะการนำชื่อพรรคหรือบุคคลไปใช้บนเวที ทั้งที่ยังไม่ได้ตกลงกัน พร้อมฝากถึงผู้จัดงานและสื่อมวลชนว่า เวทีลักษณะนี้ควรเป็นพื้นที่สร้างสรรค์ ไม่ใช่พื้นที่ที่นำไปสู่ความขัดแย้งหรือการโจมตีทางการเมือง
ชี้มารยาทการเมืองไม่ควรประกาศ “ไม่เอาใคร” ก่อนเลือกตั้ง
รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การเมืองไทยในช่วงที่กระบวนการเลือกตั้งยังไม่เริ่มต้นอย่างเป็นทางการ ไม่ควรมีผู้นำพรรคหรืออดีตผู้นำออกมาประกาศล่วงหน้าว่าจะไม่ร่วมงานกับพรรคใดพรรคหนึ่ง เพราะสุดท้ายผู้ตัดสินใจคือประชาชน ไม่ใช่นักการเมืองบนเวทีดีเบต
ร.อ.ธรรมนัส ระบุว่า การที่มีผู้นำทางการเมืองออกมาประกาศไม่จับมือกับพรรคโน้นพรรคนี้ ถือเป็นเรื่องที่ไม่สอดคล้องกับมารยาททางการเมือง และอาจสร้างความแตกแยกในสังคม ทั้งที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพรรคใดจะได้รับเสียงสนับสนุนจากประชาชนมากน้อยเพียงใดในการเลือกตั้งครั้งหน้า
ย้อนบทเรียนการเมือง อภิสิทธิ์เคยประกาศจุดยืนแล้วรักษาไม่ได้
ร.อ.ธรรมนัส กล่าวต่อว่า บทเรียนทางการเมืองในอดีตมีให้เห็นมาแล้วหลายครั้ง โดยเฉพาะกรณีของนักการเมืองที่ออกมาประกาศจุดยืนหรือเงื่อนไขทางการเมืองล่วงหน้า แต่ไม่สามารถรักษาคำพูดได้ในภายหลัง จนนำไปสู่ปัญหาภายในพรรคและการลาออกจากตำแหน่งผู้นำ
เขาระบุว่า การแข่งขันทางการเมืองไม่ควรอยู่ที่การใช้วาทกรรมหรือคำพูดสวยหรูบนเวที แต่ควรสะท้อนผ่านผลงานที่เป็นรูปธรรมว่า ใครทำอะไรให้ประเทศและประชาชนบ้าง โดยเฉพาะในฐานะที่เคยเป็นผู้นำรัฐบาลหรือมีอำนาจบริหารประเทศมาก่อน
ธรรมนัสยกผลงานเกษตร เทียบผู้นำยุคอภิสิทธิ์
ในฐานะผู้กำกับดูแลด้านการเกษตร ร.อ.ธรรมนัส ระบุว่า ในช่วงที่ตนรับผิดชอบ ไม่มีปัญหาขาดแคลนไข่ไก่ ทั้งผู้บริโภคและเกษตรกรไม่เดือดร้อน พร้อมย้ำว่าการแก้ปัญหาควรเน้นการลงมือทำจริง ไม่ใช่การใช้งบประมาณเพื่อสร้างภาพหรือโครงการเชิงสัญลักษณ์
เขายังพาดพิงถึงปัญหาทางการเมืองและนโยบายในอดีต เช่น การปล่อยให้ที่ดินของรัฐตกไปอยู่ในมือกลุ่มทุน การยอมรับคำตัดสินของศาลโลกในประเด็นเขาพระวิหาร รวมถึงโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจที่ถูกวิจารณ์อย่างหนัก โดยระบุว่าเป็นผลงานที่ประชาชนสามารถพิจารณาได้เองว่าเกิดขึ้นในยุคใด และภายใต้การนำของใคร
เหน็บแรง ยังไม่ถึงเวลาคุยจัดตั้งรัฐบาล ต้องมี 25 สส.ก่อน
ร.อ.ธรรมนัส กล่าวอย่างชัดเจนว่า การประกาศจับมือจัดตั้งรัฐบาลในเวลานี้ยังเร็วเกินไป ต้องรอให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินผ่านการเลือกตั้งก่อน พร้อมเหน็บว่า หากพรรคใดมี สส. ในมือถึง 25 คน ค่อยกลับมาพูดคุยกัน
เขาย้ำว่า แม้แต่พรรคกล้าธรรมเองก็ยังไม่อาจทราบว่าจะได้ สส. จำนวนเท่าใด ดังนั้นช่วงเวลานี้ควรแข่งขันกันที่นโยบายและผลงานที่ผ่านมา มากกว่าการใช้เวทีดีเบตโจมตีหรือปิดประตูทางการเมืองใส่กัน
โต้กระแสโจมตี ชี้ถ่ายรูปไม่ใช่เครื่องตัดสินความผิด
ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม กล่าวถึงกรณีถูกโจมตีเรื่องการพบปะหรือถ่ายภาพร่วมกับบุคคลบางกลุ่ม ว่าไม่อาจใช้ภาพถ่ายเป็นเครื่องตัดสินความผิดถูกได้ หากมีการกระทำผิดจริงต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และพิสูจน์ตามกฎหมาย ไม่ใช่การนำมาโจมตีทางการเมือง
ท้ายที่สุด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ย้ำจุดยืนของพรรคกล้าธรรมว่า จะไม่สนับสนุนการแก้ไขมาตรา 112 อย่างเด็ดขาด และพร้อมเข้าร่วมเวทีดีเบตที่สร้างสรรค์เท่านั้น


